รู้จัก ถังขยะอัจฉริยะ การผสาน AI เพื่อเปลี่ยนโลกการจัดการขยะ
ด้วยปัญหาโลกร้อนบวกกับเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน “ถังขยะอัจฉริยะ” (Intelligent Trash) คือหนึ่งในตัวอย่างของการนำปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI มาช่วยแก้ปัญหาขยะล้นเมืองและส่งเสริมการรีไซเคิลอย่างมีประสิทธิภาพ โดยถังขยะอัจฉริยะ คือถังขยะที่ติดตั้งเทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น เซ็นเซอร์ และ AI เพื่อช่วยในการจัดการขยะอย่างชาญฉลาด โดยทั่วไป ถังเหล่านี้สามารถแยกประเภทขยะอัตโนมัติ เช่น แยกขยะเปียก ขยะรีไซเคิล และขยะอันตราย รวมถึงติดตามปริมาณขยะ ผ่านเซ็นเซอร์วัดระดับ ทำให้ทราบว่าถังขยะเต็มเมื่อไหร่ และต้องเก็บเมื่อใด นอกจากนี้ยังมีการเชื่อมต่อข้อมูล กับระบบคลาวด์หรือแอปพลิเชัน เพื่อรายงานสถานะและวางแผนการจัดเก็บอย่างมีประสิทธิภาพ
ประโยชน์ของถังขยะอัจฉริยะ คือการช่วยลดขยะที่ส่งไปยังหลุมฝังกลบ เพราะการแยกขยะช่วยเพิ่มอัตราการรีไซเคิล ลดต้นทุนการจัดการขยะด้วยการวางแผนเส้นทางจัดเก็บที่เหมาะสม ส่งเสริมความสะอาดและสุขอนามัยด้วยถังที่เปิด-ปิดอัตโนมัติ ลดการสัมผัส และถึงแม้ถังขยะอัจฉริยะจะมีข้อดีมากมาย แต่ก็มีราคาสูง ทำให้การติดตั้งในพื้นที่ขนาดใหญ่ต้องใช้งบประมาณมาก ทั้งระบบ AI และเซ็นเซอร์จำเป็นต้องมีการบำรุงรักษาและอัปเดตซอฟต์แวร์ และหากประชาชนไม่ให้ความร่วมมือ เช่น ทิ้งขยะผิดประเภท อาจทำให้ระบบทำงานผิดพลาดได้
ตัวอย่างการใช้งานจริงในระดับโลก ปัจจุบันมีหลายประเทศและบริษัทชั้นนำได้นำแนวคิดถังขยะอัจฉริยะไปพัฒนาและใช้งานจริง เช่น จีน หนึ่งในประเทศที่ลงทุนอย่างหนักในเทคโนโลยี AI และ Smart City ทำให้เมืองเซี่ยงไฮ้มีโครงการติดตั้งถังขยะอัจฉริยะที่สามารถแยกขยะได้โดยอัตโนมัติ โดยใช้ระบบจดจำภาพเพื่อวิเคราะห์ว่าขยะชิ้นนั้นเป็นประเภทใด เกาหลีใต้ ก็มีการติดตั้งถังขยะรีไซเคิลที่ใช้ AI เป็นตัวขับเคลื่อนมากกว่า 1,000 ถังทั่วประเทศ ซึ่งขวดพลาสติกที่ได้จะถูกอัดก้อน ก่อนส่งไปยังโรงงานรีไซเคิลในเมือง โดยระบบ AI ช่วยคัดแยกและกำจัดสิ่งสกปรกออก จากนั้นพลาสติกก็จะถูกทำความสะอาดในน้ำร้อนและหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ เพื่อทำเป็นเม็ดพลาสติกในการทำวัสดุหรือภาชนะต่าง ๆ ที่ผ่านมาสามารถเก็บขวดพลาสติกได้กว่า 500 ล้านขวดในเวลาเพียง 1 ปี และผู้ใช้งานยังสามารถสะสมคะแนน จากการหยอดขวดพลาสติกเพื่อแลกเป็นเงินได้อีกด้วย โปแลนด์ มีบริษัท Bin-e สตาร์ทอัพในยุโรปที่พัฒนาถังขยะอัจฉริยะที่ใช้ AI ในการแยกขยะอย่างแม่นยำ ถังขยะของ Bin-e มีเซ็นเซอร์และกล้องเพื่อสแกนขยะ จากนั้น AI จะตัดสินใจแยกขยะตามประเภท เช่น พลาสติก กระดาษ หรือขยะอันตราย สิงคโปร์ เป็นหนึ่งในประเทศที่ใช้ Smart Waste Management System โดยมีถังขยะอัจฉริยะในสถานที่สำคัญหลายแห่ง เช่น สวนสาธารณะและห้างสรรพสินค้า โดยถังขยะเหล่านี้มีเซ็นเซอร์แจ้งเตือนเมื่อถังเต็ม พร้อมทั้งส่งข้อมูลไปยังศูนย์ควบคุม ทำให้การจัดเก็บขยะมีประสิทธิภาพสูงสุด อังกฤษ ในลอนดอนเริ่มใช้ถังขยะอัจฉริยะที่ติดตั้ง Wi-Fi และระบบแจ้งเตือนเมื่อขยะเต็ม สหรัฐฯ บริษัท Bigbelly หนึ่งในผู้นำการพัฒนาถังขยะอัจฉริยะที่มาพร้อมเซ็นเซอร์ตรวจจับปริมาณขยะและระบบบีบอัดขยะ เพื่อลดความถี่ในการเก็บขน ส่วนในนิวยอร์กและลอสแอนเจลิสก็เริ่มติดตั้งถังขยะอัจฉริยะในเขตเมือง เพื่อลดปัญหาขยะล้นและปรับปรุงความสะอาดของเมือง
การใช้ถังขยะอัจฉริยะในประเทศไทย ที่มีปริมาณขยะสูงถึง 25 ล้านตันต่อปี ในบางเมืองอย่างกรุงเทพได้มีการติดตั้งเซ็นเซอร์ตรวจจับปริมาณขยะ ส่วนเชียงใหม่ ก็มีการริเริ่มนำ ถังขยะอัจฉริยะที่ทำงานร่วมกับแอปพลิเคชันมาใช้ส่งเสริมการแยกขยะที่ถูกต้อง โดยแอปจะแสดงข้อมูลเกี่ยวกับการรีไซเคิลและคะแนนสะสมเมื่อทิ้งขยะอย่างถูกประเภท และบริษัทเอกชนอย่าง SCG และ ปตท. ได้เริ่มพัฒนาและสนับสนุนโครงการเกี่ยวกับถังขยะอัจฉริยะ โดยเน้นการใช้เทคโนโลยี AI และ IoT เพื่อช่วยแก้ปัญหาการจัดการขยะในชุมชนและโรงงานอุตสาหกรรม และตามมหาวิทยาลัยหลายแห่ง รวมถึงห้างดังอย่าง ICONSIAM และ Terminal 21 ก็ได้ทดลองใช้ถังขยะอัจฉริยะที่สามารถแยกขยะรีไซเคิล ซึ่งถังขยะอัจฉริยะเป็นตัวอย่างของการนำ AI มาประยุกต์ใช้เพื่อแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยสามารถช่วยลดขยะ เพิ่มอัตราการรีไซเคิล และส่งเสริมความยั่งยืน แม้จะมีความท้าทายมากมาย ในอนาคตการพัฒนาถังขยะอัจฉริยะจะมุ่งเน้นไปที่การลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพของ AI รวมถึงการเชื่อมต่อกับระบบ Smart City อย่างสมบูรณ์ เช่น การใช้ข้อมูลจากถังขยะในการวิเคราะห์พฤติกรรมการบริโภคของประชาชน หรือแม้กระทั่งการสร้างระบบจูงใจ เช่น คะแนนสะสมจากการทิ้งขยะอย่างถูกวิธี
อ่าน: Winnow เครื่องสแกนอัจฉริยะ ใช้ AI ช่วยเชฟบริหารครัว ลดขยะอาหารลงครึ่งหนึ่ง
รู้จัก Trash Lucky ถังรีไซเคิลอัจฉริยะ แพลตฟอร์มช่วยโลก แถมได้ลุ้นโชคอีกต่อ