การเริ่มต้นธุรกิจไม่ใช่เรื่องง่าย แต่การเลือกเส้นทางที่ใช่ยิ่งยากกว่า ยิ่งยุคนี้ การแข่งขันสูง ความเสี่ยงเยอะ พลาดนิดเดียว อาจจะเจ๊งได้เลย วันนี้ Smartsme เลยอยากชวนมาพูดคุยกันในเรื่องทำนองนี้ว่า เราจะเอายังไงกันดี
เรามาดูข้อดีข้อเสียกันก่อน เริ่มที่ การหาตลาดก่อน
ถ้าเราหาตลาดก่อน เราจะได้รู้ความต้องการของตลาด เข้าใจความต้องการลูกค้าอย่างแท้จริง ได้ข้อมูลเชิงลึก เช่น พฤติกรรม ความชอบ ปัญหา และความคาดหวังของลูกค้า ช่วยลดความเสี่ยงในการผลิตสินค้าแล้วขายไม่ออก และยังไม่ต้องลงทุนสต๊อกสินค้าในตอนแรกด้วย อาจจะใช้เป็น Minimum Viable Product ก็ช่วยประหยัดต้นทุนในช่วงแรกด้วย นอกจากนี้เรายังมีโอกาสได้รับ Feedback จากลูกค้า เราก็สามารถนำมาปรับปรุงสินค้าให้ดีและตรงใจกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น และที่สำคัญยังเป็นการเริ่มสร้าง Community และ Brand ให้แข็งแกร่งตั้งแต่เริ่มต้น แต่ว่าจะมีข้อเสียอยู่ที่ อาจเสียโอกาสทางการขาย หากลูกค้าต้องการสินค้าทันที และในบางครั้งกว่าจะหาตลาดจนเจอลูกค้าที่ใช่ อาจต้องใช้เวลานาน
และถ้าเรามีสต๊อกสินค้าก่อนจะดียังไง
ของมันพร้อมขาย สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ทันทีเลย และการที่มีสินค้าพร้อมส่ง ก็ช่วยสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าเราด้วย และการสั่งผลิตที่ละจำนวนมากๆ ก็อาจได้ราคาต่อหน่วยที่ถูกกว่า เป็นการลดต้นทุนระยะยาวในอีกทางนึง และยังควบคุมคุณภาพ ปริมาณ หรือต้นทุนการผลิตได้ด้วย และด้วยการมีสินค้าพร้อมในสต๊อก จะช่วยเพิ่มโอกาสทางการตลาดด้วยนะ อย่าง จัดโปรโมชั่นทำการตลาดได้ทันที หรือมีงานแสดงสินค้าที่ไหนเราก็ไปร่วมได้เลย แต่ก็เสี่ยงตรงที่ ถ้าสินค้าขายไม่ออก ก็จะเสี่ยงขาดทุน ต้นทุนจม เก็บไว้นานสินค้าอาจจะเสื่อมคุณภาพไป และถ้าต้องเช่าโกดังเก็บสินค้าแล้วด้วย ก็จะมีค่าเช่า ค่าจัดเก็บ ค่าดูแลสินค้าเพิ่มขึ้นอีก และที่แน่ๆเลยคือ ถ้ามีสินค้าจำนวนมาก ก็อาจจะมีความกดดันในการขายตามมา
ทุกวันนี้เราจะได้เห็นร้านค้ามากมายใน Social ที่ใช้วิธีเปิดรับ Pre-order เพื่อลดความเสี่ยงจากการสต๊อกสินค้า โดยอาจจะเปิดเป็นรอบๆในการสั่งซื้อ อย่าง แบรนด์เสื้อผ้า งานคราฟต์ เครื่องประดับทำมือ หรือของตกแต่งบ้าน ก็มักจะใช้วิธีนี้ เพราะสินค้าแต่ละชิ้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และต้องใช้เวลาในการผลิต
ยกตัวอย่างเช่น Matter Makers แบรนด์เสื้อผ้าสัญชาติไทยที่มักจะเปิดรับ Pre-order เป็นรอบๆ ก็ช่วยลดการผลิตสินค้าเกินความจำเป็น หรือ Everyday KMKM แบรนด์สำหรับผู้หญิงสไตล์มินิมอล เน้นผลิตในจำนวนจำกัด และเปิดรับ Pre-order เป็นรอบๆ เพื่อลด waste เหมือนกัน
แต่ในฝั่งที่เน้นสต๊อกสินค้าพร้อมขาย ส่วนใหญ่ก็จะเป็นแบรนด์ใหญ่ๆ ที่มีกำลังผลิตสูง มีเงินทุนเยอะ และต้องการเข้าถึงลูกค้าจำนวนมากๆ อย่างเช่น แบรนด์ Zara, Uniqlo, หรือจะเป็น Shein รวมถึง IKEA, Index Living Mall, Power Buy, Banana IT
แต่ก็มีแบรนด์ที่เลือกสต๊อกสินค้าไว้ก่อน ถึงแม้จะไม่ได้มีกำลังผลิตมากเท่าแบรนด์ใหญ่ๆนะครับ เช่น แบรนด์ Mook V แบรนด์กระเป๋าหนัง ทำมือ จากช่างฝีมือไทย , Vulcan เป็นแบรนด์สบู่ และผลิตภัณฑ์ดูแลผิว จากสมุนไพรธรรมชาติ หรือจะเป็น Clayground แบรนด์เซรามิกส์ทำมือ ดีไซน์น่ารักๆ มีทั้ง จาน ชาม แก้ว ของแต่งบ้าน อย่างนี้เป็นต้น
มาถึงคำถามที่น่าสนใจแล้ววิธีไหนดีที่สุด?
การเลือกวิธีที่ดีที่สุดสำหรับการทำธุรกิจของผู้ประกอบการ SME ในยุคนี้ ต้องพิจารณาหลายๆปัจจัยประกอบกัน แน่นอนว่าไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว แต่เราอาจจะใช้วิธีการทั้ง 2 แบบรวมเข้าไว้ด้วยกันก็ได้
เริ่มต้นแบบ Lean Startup หาตลาดก่อน แต่ก็มีสินค้าตัวอย่างจำนวนน้อยๆเพื่อไว้ทดสอบตลาดด้วยจะได้ไม่ต้องลงทุนสต๊อกสินค้าจำนวนมากในตอนแรก ในระหว่างทางเราก็เรียนรู้ความต้องการลูกค้า ปรับปรุงสินค้าจะได้หา Product หรือ Market Fit ที่ลงตัว
พอเริ่มเข้าที่เข้าทาง เราอาจจะใช้การเปิดรับ Pre-order เป็นเครื่องมือก่อนก็ได้ เพื่อประเมินความต้องการของตลาดก่อนที่เราจะผลิตจริง จะได้ลดโอกาสสินค้าค้างสต๊อกและจะได้มีเงินทุนหมุนเวียนเหลือในมือเยอะๆด้วย
ในระหว่างทางนี้อาจจะเริ่มมีการผลิตสินค้าเพิ่มเติมเข้ามาอีกเพื่อส่งตามออเดอร์ เราก็ต้องปรับตัวให้เร็ว ปรับปรุงและพัฒนา สินค้า บริการ และกลยุทธ์ ให้ทันกับความต้องการของลูกค้าด้วย และอย่าลืมวัดผลอยู่ตลอดเวลา อย่าง วิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมลูกค้า เทรนด์ตลาด และประสิทธิภาพของ Marketing Campaign เพื่อหา Insight ที่ซ่อนอยู่ จะได้ปรับปรุงจุดที่บกพร่อง และพัฒนาให้ดีขึ้นอยู่เสมอ
ในเส้นทางนี้เราอาจจะเรียกได้ว่าเป็นช่วง Survivor เพราะผลลัพธ์จะค่อยๆแง้มออกมาทีละนิดให้เราได้เห็นว่า ธุรกิจของเรา สินค้าของเรานั้นจะเป็นไปในทิศทางไหนต่อไป จะอยู่ประมาณนี้ หรือ จะเติบโตจนต้องขยายกำลังผลิตเพิ่ม ต้องบอกว่า ช่วง Survivor นี้ อาจจะเหนื่อยมากหน่อย เพราะต้องใช้กำลังสมอง กำลังสติอยู่ตลอดเวลา แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นที่สุดเพราะเราจะได้เรียนรู้ สิ่งใหม่ๆ มากมาย เราจะได้พิสูจน์ และท้าทายข้อจำกัดของตัวเอง และ “เติบโต” ขึ้น และเราจะได้รู้ครับว่า เรา จะ”สร้างธุรกิจ”ที่แข็งแกร่ง และ “ยั่งยืน” เพื่อตัวเรา ครอบครัวของเรา และ คนที่เรารักได้หรือไม่
SmartSME ขอเป็นกำลังใจให้ ” Survivor ” ทุกคน เอาชนะอุปสรรค และ ” ก้าวสู่ความสำเร็จ ” ได้ให้ได้ในที่สุด