อาหารที่ต้องมีติดบ้าน! “มาม่า” กวาดรายได้ครึ่งปีแรก 2567 คิดเป็น 1.4 หมื่นล้านบาท

“มาม่า” แบรนด์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป สินค้าที่ทุกครัวเรือนต้องมีไว้ติดบ้าน เพราะเป็นอาหารที่รับประทานง่าย ตลอดจนเป็นอาหารสำหรับมนุษย์เงินเดือนในช่วงรอเงินเดือนออก

บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) รายงานผลการดำเนินในไตรมาส 2 และรอบ 6 เดือน (ณ วันที่ 30 มิ.ย.67) มีประเด็นที่น่าสนใจดังต่อไปนี้

ในไตรมาส 2/2567 บริษัทมีรายได้จากการขาย จำนวน 7,479 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.52% มีกำไรสุทธิ 1,093 ล้านบาท เติบโต 16.28%

ยอดขายในช่วง 6 เดือน บริษัทมีรายได้รวมจำนวน 14,483 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.23% มีกำไรสุทธิ 2,237 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.32%

-วิเคราะห์ยอดขายตามประเภทสินค้าและพื้นที่ พบว่ารายได้จากการขายสินค้าบะหมี่และอาหารกึ่งสำเร็จรูปในประเทศเพิ่มขึ้น 13.66% มาจากการออกผลิตภัณฑ์ OK รสชาติใหม่ และมีการทุ่มงบประชาสัมพันธ์ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์กลุ่ม OK รสชาติเดิมขายดีขึ้นด้วย

ยอดขายต่างประเทศปรับเพิ่มขึ้น 27.06% โดยมีสาเหตุหลักมาจากเงินบาทอ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินสหรัฐฯ และการเริ่มผลิต และจำหน่ายผลิตภัณฑ์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของบริษัทย่อยในประเทศเมียนมา

 

มาม่า แบรนด์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป

 

“บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป” มักถูกนำมาเปรียบเทียบเกี่ยวกับการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ผู้คนชอบพูดกันว่า “ช่วงไหนที่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปขายดี แสดงว่าช่วงนั้นเศรษฐกิจไม่ดี”

อย่างไรก็ตาม เราไม่อาจสรุปได้ว่า การที่ยอดขายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปดี แสดงว่าเศรษฐกิจไม่ดี คำถามนี้อาจจะมองในมุมที่ว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเป็นอาหารราคาถูก จึงเกิดการตีความว่าเป็นอาหารของคนมีรายได้น้อย มีเงินใช้จ่ายในชีวิตประจำวันที่ค่อนข้างจำกัด แต่ความจริงแล้วไม่ใช่แบบนั้นเลย เพราะบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ไม่ว่าจะจนหรือรวย ก็สามารถซื้อมาไว้ที่บ้านได้ ด้วยความที่กินง่าย ขั้นตอนไม่ยุ่งยาก แค่เทน้ำร้อน รอไม่เกิน 5 นาที ก็สามารถกินได้ทันที ตลอดจนเรื่องของการจัดโปรโมชันของแบรนด์ที่ดึงดูดผู้บริโภค มีการออกรสชาติใหม่ ก็ทำให้รายได้เพิ่มขึ้นเช่นกัน

เรื่องที่เกี่ยวข้อง