อินไซต์เทรนด์ผู้บริโภคจีนที่เปลี่ยนไป สู่ปี 2568
ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมที่รวดเร็วในประเทศจีน เทรนด์ผู้บริโภคในปี 2568 กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ โดยเฉพาะในด้านการใช้จ่าย การเลือกซื้อสินค้า และรูปแบบการดำเนินชีวิต ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงทิศทางการพัฒนาของตลาดผู้บริโภคที่ใหญ่ที่สุดในโลก
เริ่มต้นกันด้วยความสำเร็จของชาสมุนไพรจาก HEYTEA ได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ในตลาดเครื่องดื่มด้วยการนำเสนอ “ชาซูเปอร์พืช” ท่ามกลางกระแสรักสุขภาพที่กำลังมาแรง ในขณะที่แบรนด์อื่น ๆ มุ่งเน้นไปที่แนวคิดเครื่องดื่มแคลอรีต่ำ น้ำตาลน้อย หรือ นมวีแกน HEYTEA ได้สร้างความแตกต่างด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เน้นคุณประโยชน์จากพืชพรรณธรรมชาติ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ของ HEYTEA เริ่มตั้งแต่การเปิดเผยส่วนผสมอย่างโปร่งใสในเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา ตามมาด้วยการร่วมมือกับบล็อกเกอร์ด้านฟิตเนส Pamela เพื่อพัฒนาเครื่องดื่มลดน้ำตาล และการนำระบบไฟจราจรคาเฟอีนมาใช้ จนถึงการเปิดตัวซีรีส์ “ชาซูเปอร์พืช” ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง
อีกหนึ่งเรื่องที่น่าสนใจคือการที่แบรนด์ Beast สร้างความประทับใจอีกครั้งด้วย การคอลแลบอเรชั่น โดยเฉพาะการร่วมมือล่าสุดกับ Ordos 1980 ในคอลเลคชั่นผลิตภัณฑ์แคชเมียร์ แบรนด์ได้ขยายไลน์สินค้าเครื่องใช้ในบ้าน tbh โดยมีคอนเซ็ปต์หลักคือ “บ้าน” ซึ่งสะท้อนผ่านความอบอุ่น การเยียวยา ความสบาย และความผ่อนคลาย ไม่ว่าจะเป็นคอลเลคชั่นเจ้าชายน้อย แฮร์รี่ พอตเตอร์ Pingu หรือ Shanghai Animation Film Studio ล้วนแต่สื่อถึงแก่นความคิดนี้ทั้งสิ้น นอกจากนี้ องค์ประกอบ “สัตว์” ยังเป็นอีกหนึ่งแนวเรื่องสำคัญที่สอดคล้องกับชื่อแบรนด์ Beast โดยใช้ “สัตว์ในใจ” เป็นจุดเชื่อมโยงอารมณ์กับผู้บริโภค ซึ่งเห็นได้ชัดในไลน์ผลิตภัณฑ์ “Z Series” ทำให้แบรนด์มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นและจดจำได้ง่าย
แนวโน้มเทรนด์ผู้บริโภคโลกปี 2568 จากรายงานของ Mintel เผยให้เห็นการเปลี่ยนแปลงสำคัญใน 3 มิติหลัก โดยวิเคราะห์ผ่านปัจจัยขับเคลื่อน 7 ประการ ได้แก่ สุขภาพกายใจ สภาพแวดล้อมทางสังคม เทคโนโลยี สิทธิ อัตลักษณ์ คุณค่า และประสบการณ์
ประการแรก “การค้นพบบ้านในมุมใหม่” สะท้อนให้เห็นว่าโควิด-19 และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีได้เปลี่ยนแปลงพิธีกรรมและวิถีชีวิตในบ้านอย่างสิ้นเชิง ผู้บริโภคหันมาให้ความสำคัญกับประสบการณ์การอยู่อาศัยที่เป็นส่วนตัวและปรับแต่งได้ เน้นความสบายและความจริงแท้มากกว่าความสมบูรณ์แบบ ทุกมุมของบ้านกลายเป็นพื้นที่สร้างความทรงจำและความสุข ขณะที่เทคโนโลยีภายในบ้านทำให้ที่อยู่อาศัยกลายเป็นศูนย์กลางของการดูแลสุขภาพและการทำงานที่มีประสิทธิภาพ
ประการที่สอง “การรวมกลุ่มไร้ขีดจำกัด” แสดงให้เห็นว่าความต้องการด้านชุมชนได้ผลักดันให้เกิดพื้นที่ความร่วมมือที่ไม่จำกัดด้วยเวลาและสถานที่ พื้นที่ชุมชนที่แบรนด์และผู้บริโภคร่วมกันสร้างขึ้นไม่เพียงตอบสนองความต้องการด้านการเชื่อมต่อทางสังคม แต่ยังสะท้อนการพัฒนางานอดิเรกและความสนใจส่วนบุคคล แบรนด์จำเป็นต้องให้การสนับสนุนทั้งออนไลน์และออฟไลน์ พร้อมทั้งใช้กลยุทธ์ AI อย่างสมดุลเพื่อรักษาความรู้สึกส่วนตัวและการแสดงออกของผู้คน
ประการสุดท้าย “การเกิดใหม่ของประเพณี” สะท้อนว่าความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในด้านเทคโนโลยีและสุขภาพกำลังเปลี่ยนแปลงโลกรอบตัวและพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น ในอุตสาหกรรมความงามและสุขภาพ การยอมรับยาลดน้ำหนักรูปแบบใหม่และศัลยกรรมความงามสะท้อนถึงทัศนคติที่เปลี่ยนไปต่อรูปลักษณ์ภายนอก ผู้บริโภคคาดหวังให้แบรนด์ไม่เพียงตอบสนองความต้องการด้านความงามในปัจจุบัน แต่ยังต้องให้ความสำคัญกับการส่งเสริมสุขภาพในระยะยาว นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และสังคมผู้สูงอายุ จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อทัศนคติและการตัดสินใจของผู้บริโภคในอนาคต
หากมองถึงประเทศไทย สามารถใช้จุดแข็งด้านสมุนไพรและภูมิปัญญาท้องถิ่นมาพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่ตอบโจทย์เทรนด์ “ซูเปอร์พืช” โดยเน้นการเปิดเผยแหล่งที่มาและส่วนผสม พร้อมทั้งร่วมมือกับผู้มีชื่อเสียงด้านสุขภาพในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผู้บริโภคยุคใหม่ ในด้านที่อยู่อาศัย ผู้ประกอบการไทยควรพัฒนาสินค้าและบริการที่ตอบสนองการใช้ชีวิตที่บ้านแบบผสมผสาน ทั้งการทำงาน การดูแลสุขภาพ และการพักผ่อน โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่สะท้อนความเป็นไทยผ่านการออกแบบที่อบอุ่นและเป็นกันเอง นอกจากนี้ การส่งเสริมการสร้างชุมชนทั้งออนไลน์และออฟไลน์ที่เชื่อมโยงผู้คนผ่านความสนใจร่วม โดยใช้เทคโนโลยี AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ และยังคงรักษาความเป็นมนุษย์ที่จริงใจไว้ สำหรับอุตสาหกรรมความงามและสุขภาพ ควรผสมผสานภูมิปัญญาดั้งเดิมเข้ากับนวัตกรรมสมัยใหม่ พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมที่เหมาะสมกับสังคมผู้สูงอายุ
ข้อมูลจาก สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครเฉิงตู
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
