โซลาร์เซลล์

เปิดเทคนิค ติดตั้งโซลาร์เซลล์ที่บ้าน-โฮมออฟฟิศ ให้คุ้มค่าและประหยัดพลังงาน

ปัจจุบันค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้นทุกปี ประกอบกับกระแสการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการใช้พลังงานสะอาด ทำให้หลายคนหันมาสนใจติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ที่บ้านเพื่อผลิตไฟฟ้าใช้เองมากขึ้น แต่ก่อนจะตัดสินใจลงทุน มีหลายปัจจัยที่ควรพิจารณาเพื่อให้แน่ใจว่าจะได้ระบบที่มีประสิทธิภาพและคุ้มค่าที่สุด

 

 

Electron Move ผู้ให้บริการติดตั้งระบบโซล่าเซลล์ ได้แนะนำ 10 ข้อที่ต้องรู้ก่อนติดตั้งโซลาร์เซลล์บ้านหรือโฮมออฟฟิศ พร้อมข้อมูลที่จะช่วยในการตัดสินใจว่าจะคุ้มค่ากับการลงทุน ดังนี้

1. ประเมินศักยภาพของบ้านในการติดตั้ง

สิ่งแรกคือต้องสำรวจว่าบ้านของคุณมีความเหมาะสมที่จะติดตั้งระบบหรือไม่ โดยต้องพิจารณาปัจจัยต่างๆ ดังนี้

• ความแข็งแรงของโครงสร้างหลังคาที่จะต้องรับน้ำหนักแผงโซลาร์ได้ในระยะยาว
• รูปทรงและวัสดุมุงหลังคา เพื่อกำหนดวิธีการติดตั้งที่เหมาะสม
• ทิศทางและมุมของหลังคา เพื่อให้ได้รับแสงแดดได้ดีที่สุดโดยไม่มีสิ่งบดบัง
• พื้นที่ว่างบนหลังคาที่เพียงพอสำหรับติดตั้งแผง

2. วิเคราะห์ปริมาณการใช้ไฟฟ้าในบ้าน

ให้ตรวจสอบค่าไฟย้อนหลังและพฤติกรรมการใช้ไฟในแต่ละช่วงเวลา เพื่อประเมินปริมาณไฟฟ้าที่ต้องการผลิตจากโซลาร์เซลล์ โดยทั่วไปบ้านที่ใช้ไฟเฉลี่ยเดือนละ 2,000-3,000 บาทขึ้นไป ถือว่าคุ้มค่าที่จะติดตั้งระบบที่ผลิตไฟได้ 1.8-3 กิโลวัตต์ ซึ่งจะช่วยประหยัดค่าไฟได้ถึง 900-1,500 บาทต่อเดือน

3. ศึกษาประเภทของแผง

แผงโซลาร์มีให้เลือกหลายชนิด แต่ที่นิยมใช้ทั่วไปในไทยมี 3 แบบคือ

• โมโนคริสตัลไลน์ (Monocrystalline) : ให้ประสิทธิภาพสูง ทำงานได้ดีแม้แสงน้อย แต่ราคาแพงสุด
• โพลีคริสตัลไลน์ (Polycrystalline) : ราคาถูกกว่าแบบแรก ทนความร้อนได้ดี เหมาะกับสภาพอากาศไทย
• ฟิล์มบาง (Thin Film) : มีความยืดหยุ่น น้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย แต่ต้องใช้พื้นที่มากกว่า

4. เลือกชนิดของอินเวอร์เตอร์ให้เหมาะสม

อินเวอร์เตอร์ทำหน้าที่แปลงไฟฟ้ากระแสตรงจากแผงโซลาร์ให้เป็นไฟฟ้ากระแสสลับ เพื่อส่งไปยังเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ในบ้าน โดยมี 2 ประเภทหลักคือ

• สตริงอินเวอร์เตอร์ (String Inverter) : ราคาถูก ดูแลรวมศูนย์ แต่ถ้าจุดใดจุดหนึ่งเสียจะกระทบทั้งระบบ
• ไมโครอินเวอร์เตอร์ (Micro Inverter) : ราคาสูงกว่า แต่ควบคุมแยกอิสระแต่ละแผง ทำให้เสียบางจุดก็ไม่ส่งผลต่อประสิทธิภาพโดยรวม

5. ตรวจสอบว่าจะจ่ายไฟให้เครื่องใช้ไฟฟ้าอะไรได้บ้าง

พลังงานไฟฟ้าที่ผลิตได้จากแผงสามารถนำไปใช้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ในบ้านได้เลย โดยเฉพาะเครื่องใช้ที่ต้องเปิดทิ้งไว้นานๆ เช่น ตู้เย็น แอร์ ทีวี คอมพิวเตอร์ ฯลฯ ซึ่งปกติแล้วบ้านในไทยจะใช้ไฟไปกับแอร์มากถึง 60% เพราะฉะนั้นจะช่วยแบ่งเบาภาระการใช้ไฟของเครื่องปรับอากาศได้อย่างเห็นได้ชัด

6. ประเมินอายุการใช้งานและการดูแลรักษา

โดยทั่วไประบบที่ได้มาตรฐานจะมีอายุการใช้งานยาวนานถึง 25-30 ปี ส่วนการบำรุงรักษานั้นง่ายมาก เพียงแค่ดูแลความสะอาดของแผงเซลล์ไม่ให้มีฝุ่นหรือสิ่งสกปรกเกาะ ก็จะช่วยให้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ แต่ควรคำนวณผลตอบแทนการลงทุนให้ชัดเจนว่าจะคืนทุนและคุ้มค่าในระยะเวลาเท่าไหร่

7. เปรียบเทียบราคาและเงื่อนไขจากผู้ให้บริการหลายราย

เนื่องจากปัจจุบันมีบริษัทรับติดตั้งเพิ่มขึ้นมาก จึงควรสำรวจและเปรียบเทียบราคา แพ็กเกจ และเงื่อนไขต่างๆ จากหลายๆ เจ้า ทั้งในแง่ของคุณภาพอุปกรณ์ ความน่าเชื่อถือ การรับประกัน รวมถึงบริการหลังการขาย เพื่อให้ได้ข้อเสนอที่ดีที่สุด และเหมาะกับความต้องการมากที่สุด

8. กำหนดงบประมาณและวางแผนการคืนทุน

ราคาติดตั้งระบบสำหรับที่อยู่อาศัยทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 200,000-500,000 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดและประเภทของอุปกรณ์ที่เลือกใช้ ซึ่งระยะเวลาคืนทุนโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 6-8 ปี หลังจากนั้นก็จะได้ใช้ไฟฟ้าฟรีไปอีกนาน แถมยังสามารถขายไฟส่วนเกินคืนให้การไฟฟ้าได้อีกด้วย

9. ดำเนินการขออนุญาตการติดตั้งอย่างถูกต้อง

ก่อนลงมือติดตั้งต้องทำเรื่องขออนุญาตกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เรียบร้อยก่อน ได้แก่ การไฟฟ้านครหลวง หรือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เพื่อตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยและข้อกำหนดต่างๆ โดยขั้นตอนนี้อาจใช้เวลา 1-2 เดือน ซึ่งผู้ให้บริการติดตั้งส่วนใหญ่ก็มักจะช่วยเหลือในเรื่องนี้อยู่แล้ว

10. ตรวจเช็กและทำความสะอาดแผงเป็นประจำ

แม้ระบบจะไม่ต้องดูแลรักษามาก แต่ก็ควรหมั่นตรวจสอบสภาพและทำความสะอาดแผงอย่างน้อยปีละ 1-2 ครั้ง โดยใช้น้ำยาทำความสะอาดอย่างอ่อนเช่น น้ำสบู่หรือน้ำยาเช็ดกระจก ห้ามใช้สารเคมีที่มีฤทธิ์กัดกร่อนเด็ดขาด เพราะอาจสร้างความเสียหายให้กับแผงเซลล์ได้ หรือจะจ้างช่างมืออาชีพมาทำความสะอาดก็ได้เช่นกัน

 

 

อย่างไรก็ตาม การศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับระบบให้ถ่องแท้ ทั้งในแง่ของคุณสมบัติ ประสิทธิภาพ ราคา ข้อดี-ข้อเสีย รวมถึงความคุ้มค่าในการลงทุน จะช่วยให้สามารถตัดสินใจได้อย่างเหมาะสมที่สุดว่าจะติดตั้งดีหรือไม่ ซึ่งหากยังมีข้อสงสัยหรือต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม สามารถปรึกษากับทีมผู้เชี่ยวชาญของ Electronmove ได้ฟรี พร้อมให้บริการสำรวจ ออกแบบ และติดตั้งระบบครบวงจร ด้วยสินค้าคุณภาพ ราคาคุ้มค่า และการดูแลหลังการขายที่ดีเยี่ยม การันตีความพึงพอใจสูงสุด

ข้อมูลจาก Electron Move

 

เรื่องอื่นๆที่น่าสนใจ