เจาะลึก 5 เทรนด์อีคอมเมิร์ซไทย 2025 ปรับตัวอย่างไรให้รอดในยุคดิจิทัล

Priceza จัดงานสัมมนาประจำปี Thailand E-Commerce Trends 2025 ภายใต้ธีม “Fearless for the Future” โดยนำเสนอข้อมูลเชิงลึกและแนวโน้มสำคัญเกี่ยวกับอีคอมเมิร์ซไทยในอนาคต โดยได้สรุป 5 เทรนด์หลักที่จะเป็นแนวทางสำหรับผู้ประกอบการและนักการตลาด เพื่อปรับตัวในอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ดังนี้

1. การเติบโตของ Affiliate Commerce
ในปี 2025 การค้าแบบ Affiliate Commerce จะขับเคลื่อนการเติบโตของตลาดอีคอมเมิร์ซไทย โดยอ้างอิงข้อมูลจากรายงาน Google e-Conomy SEA Report 2024 พบว่า ผู้บริโภคชาวไทยกว่า 83% ตัดสินใจซื้อสินค้าตามคำแนะนำของอินฟลูเอนเซอร์ ส่งผลให้ธุรกิจต้องพึ่งพากลยุทธ์ 3C ได้แก่

• Creators – ผู้สร้างสรรค์คอนเทนต์
• Content – การผลิตเนื้อหาที่ดึงดูดและน่าเชื่อถือ
• Commerce – การเชื่อมโยงคอนเทนต์เข้ากับการขายสินค้า

ธุรกิจที่ร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์หรือครีเอเตอร์จะมีความได้เปรียบในการแข่งขัน โดยช่วยเพิ่มโอกาสทางการตลาดและสร้างความน่าเชื่อถือในสายตาผู้บริโภค

2. การแข่งขันที่ร้อนแรงในตลาดอีคอมเมิร์ซ
การแข่งขันในตลาดอีคอมเมิร์ซไทยจะเพิ่มขึ้นจากการเปิดเสรีที่ดึงดูดผู้ขายทั่วโลก โดยเฉพาะจากจีนที่สามารถผลิตสินค้าในราคาถูกและส่งออกสู่ประเทศในอาเซียน รวมถึงประเทศไทย นอกจากนี้ การแข่งขันด้านราคาเพื่อดึงดูดลูกค้าจะสูงขึ้น เนื่องจาก ผู้บริโภคไทยนิยมส่วนลดและสินค้าในราคาที่คุ้มค่า

• ธุรกิจขนาดเล็กต้องปรับตัวเพื่อไม่ให้ถูกกลืนกินโดยสินค้าจากต่างประเทศ
• ธุรกิจควรพัฒนาเอกลักษณ์ของแบรนด์และมูลค่าเพิ่มในสินค้า เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคอย่างยั่งยืน

3. การฟังเสียงตลาดด้วย E-Commerce Listening
กลยุทธ์ E-Commerce Listening เป็นการทำความเข้าใจตลาดในเชิงลึกโดยอาศัย 3C ได้แก่

• Customers – รู้จักความต้องการและพฤติกรรมของลูกค้า
• Competitors – วิเคราะห์คู่แข่งเพื่อหาจุดเด่นและจุดด้อย
• Company – เข้าใจศักยภาพและข้อจำกัดของธุรกิจตนเอง

ธุรกิจที่สามารถรวบรวมข้อมูลเหล่านี้เพื่อนำไปปรับใช้กับกลยุทธ์การขายจะมีโอกาสสร้างความได้เปรียบและเพิ่มความพึงพอใจให้กับลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น

4. การปรับเปลี่ยนโมเดลธุรกิจอีคอมเมิร์ซ
ในปี 2025 การแข่งขันที่รุนแรงจะผลักดันให้เจ้าของธุรกิจปรับเปลี่ยนโมเดลธุรกิจ โดยเฉพาะการนำแนวทาง Consignment Model (ฝากขาย) มาใช้มากขึ้น นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายในการขายผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น Shopee, Lazada และ TikTok จะเพิ่มขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการเริ่มหันมาสร้าง ช่องทางการขายของตัวเอง (Own Retail Channel) เพื่อ

• ลดต้นทุน
• เพิ่มความยืดหยุ่นในการควบคุมการขาย
• สร้างความสัมพันธ์โดยตรงกับลูกค้า

5. การจัดส่งที่รวดเร็วทันใจ
ในยุคที่ผู้บริโภคต้องการความรวดเร็ว การจัดส่งสินค้าในปี 2025 จะต้อง รวดเร็วเหมือนปีศาจ เพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า หากผู้ขายสามารถส่งสินค้าได้รวดเร็วและยังรักษาคุณภาพสินค้า จะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นและคะแนนรีวิว แต่ในกรณีที่ส่งล่าช้าหรือสินค้าชำรุด อาจส่งผลเสียต่อธุรกิจ เช่น ถูกแพลตฟอร์มกดดันหรือระงับบัญชีผู้ขาย

การอยู่รอดในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ต้องอาศัยความยืดหยุ่น ความเข้าใจตลาด และการปรับตัวอย่างชาญฉลาด เพื่อสร้างโอกาสและความยั่งยืนในระยะยาว