ทุกวันนี้มองไปทางไหนก็เป็น AI ไปหมด เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์มาพร้อมกับโอกาสที่จะเข้ามาช่วยพัฒนาธุรกิจ และการทำงานในองค์กรให้มีศักยภาพดีขึ้น ขณะเดียวกันก็สร้างความหวั่นวิตกให้กับมนุษย์ว่าหากยังไม่ปรับตัวมีสิทธิ์ถูกทดแทนได้ในอนาคตอันใกล้
นี่จึงเป็นประตูสู่โอกาสของผู้ที่จะคว้าโอกาสของความมั่งคั่ง สร้างธุรกิจที่ยังเปิดกว้างให้กับผู้ที่มีความสามารถสร้างเครื่องมือที่จะตอบโจทย์ความต้องการของผู้คน

Marina Mogilko เจ้าของช่อง YouTube ชื่อดังอย่าง ‘Silicon Valley Girl’ ซึ่งเน้นการถอดรหัส และถ่ายทอดเส้นทางการประสบความสำเร็จในแบบที่เข้าถึงง่ายและตรงไปตรงมา โดยเฉพาะการเติบโตในโลกของธุรกิจและเทคโนโลยีในสหรัฐอเมริกา ได้เสนอประเด็นเรื่อง 5 ไอเดียธุรกิจ AI ที่ควรเริ่มต้นในปี 2026
[AI ปั้น Content Creator: ไม่ต้องเก่งก็สร้างผลงานระดับโปรฯ ได้]
ยุคที่ทุกคนต้องทำคอนเทนต์ เครื่องมือ AI คือสิ่งที่ช่วยยกระดับและประหยัดเวลาอย่างมหาศาล
แก่น: มุ่งเน้นไปที่การสร้าง “ประสบการณ์ที่โดดเด่น” บนโมเดล AI ที่มีอยู่แล้ว (อย่างที่ Reid Hoffman บอก)
ตัวอย่างทำเงิน: เครื่องมืออย่าง Descript (ตัดต่อวิดีโอจากข้อความ) หรือ Opus Clip (ตัดคลิปยาวให้เป็นคลิปสั้นลงโซเชียล) คือคำตอบ หรือดูอย่าง ElevenLabs แพลตฟอร์ม Voice Cloning ที่ทำรายได้มหาศาลในเวลาอันสั้น
[AI Agent ผู้จัดการ 24/7: เลิกจ้างคน มาจ้างบอททำงานแทน]
AI Agent คือพนักงานเสมือนที่บริษัทเล็ก ๆ สามารถจ้างมาทำงานได้ 24 ชั่วโมง โดยไม่ต้องจ่ายค่ากาแฟ!
แก่น: สร้างตัวช่วย AI ให้ทำหน้าที่เฉพาะทางแทนมนุษย์ในงานที่ซ้ำซ้อน
ตัวอย่างทำเงิน: ใช้ AI Chatbot อย่าง Intercom ตอบคำถามพื้นฐาน, ให้ Salesforce Einstein GPT ช่วยเซลส์แมนเขียนอีเมลวิเคราะห์ลูกค้า, หรือใช้ Notion AI สรุปเอกสาร และนี่คือพนักงานราคาประหยัดที่ทำงานหนักกว่าใครเพื่อน
[Health & Wellness AI: มี “ผู้ช่วยทางการแพทย์” ส่วนตัวในสมาร์ทโฟน]
คนยุคใหม่ยอมจ่ายเพื่อสุขภาพ มาสร้าง AI ที่เข้าถึงข้อมูลเชิงลึกด้านสุขภาพได้ดีกว่าหมอทั่วไปกันเถอะ
แก่น: สร้างผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี (Wellness) โดยใช้ AI ดึงข้อมูลงานวิจัยและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญมาให้ผู้ใช้ ในราคาถูก
ตัวอย่างทำเงิน: แอปอย่าง Superpower ที่ใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลทางการแพทย์และแล็บ เพื่อตอบคำถามเรื่องอาหารเฉพาะบุคคล (ตามคำกล่าวของ Reid Hoffman ที่ว่าผู้ช่วย AI ในมือถืออาจจะดีกว่าหมอทั่วไปในอนาคตอันใกล้)
[Educational AI: ติวเตอร์ส่วนตัวที่อดทนไม่มีวันจบ]
ธุรกิจการศึกษาพร้อมเปลี่ยนโฉม ผู้คนยินดีจ่ายเงินให้กับติวเตอร์ AI ที่ปรับตัวตามความเข้าใจของนักเรียนได้ทันที
แก่น: พัฒนา AI ติวเตอร์เฉพาะทาง ที่สามารถปรับวิธีการสอนให้เข้ากับจุดอ่อนของนักเรียนแต่ละคน (Adaptive Learning)
ตัวอย่างทำเงิน: สร้าง TOEFL Prep Coach ที่ขับเคลื่อนด้วย GPT หรือติวเตอร์สอนโค้ดดิ้ง/จำลองสถานการณ์สัมภาษณ์งาน เพราะผู้คนต้องการ “ครู” ที่อดทนไม่มีวันหมดอย่างที่ Reid Hoffman ได้สัมผัสในการเรียนกลศาสตร์ควอนตัม
[GPT Wrapper: เอา ChatGPT มาแต่งตัวด้วยความเชี่ยวชาญของคุณ]
ไม่ต้องสร้างโมเดลใหญ่ แค่ปรับแต่ง (Prompt Engineering) โมเดลที่มีอยู่ให้กลายเป็นเครื่องมือระดับเทพในสาขาเฉพาะ
แก่น: ใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญที่คุณมี (Niche Expertise) มา “ห่อหุ้ม” ChatGPT ด้วย Prompt ที่ซับซ้อนกว่าเดิม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า GPT ทั่วไปมาก
วิธีเริ่ม: ใช้แพลตฟอร์มอย่าง Replit ที่ช่วยเปลี่ยนคำสั่งภาษาธรรมดาของคุณให้กลายเป็นแอปพลิเคชันที่ใช้งานได้จริง เป็นวิธีที่เร็วที่สุดสำหรับผู้เริ่มต้นในการทำธุรกิจ AI ครับ
แน่นอนว่าปี 2026 คือปีที่ AI จะเปลี่ยนจากของเล่นเป็นเครื่องมือทำเงินจริง โอกาสไม่ได้อยู่แค่ที่การสร้างโมเดล แต่คือการสร้าง “ประสบการณ์ผู้ใช้” ที่ยอดเยี่ยมบนเทคโนโลยีที่มีอยู่แล้ว ดังนั้นไอเดียการสร้างธุรกิจ AI จึงเป็นเทรนด์ที่ไม่ควรมองข้ามเปลี่ยนจากกลุ่มลูกค้ามาเป็นผู้สร้างแทน
ที่มา: medium
เรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
Post Views: 1,269