EXIM BANK

ไม่ทำอาจตกขบวน! EXIM BANK เปิดทางรอด SME ไทย ปรับตัวสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำ

EXIM BANK เปิดเกมรุกนำผู้ประกอบการไทยฝ่ามรสุม Trump 2.0 เดินหน้าสู่ธนาคารเพื่อความยั่งยืน พัฒนาระบบนิเวศ Green Export Supply Chain พร้อมเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน สร้างนักรบเศรษฐกิจสีเขียวในตลาดการค้าโลก ชี้ปัญหาสิ่งแวดล้อมโลกทวีความรุนแรง ส่งผลให้มาตรการด้านสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้นกว่า 18,000 ฉบับในปัจจุบัน โลกต้องการเม็ดเงินสีเขียว (Climate Finance) มากถึง 7.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ในช่วงปี 2567-2573 เตือนผู้ประกอบการความไม่แน่นอนสูงจากนโยบาย Trump 2.0 ค่าเงินบาทผันผวนหนัก แนะป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน

นำผู้ประกอบการไทยฝ่ามรสุม ‘ทรัมป์ 2.0’

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า สถานการณ์เศรษฐกิจโลกปัจจุบันเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ภายหลังการเข้ารับตำแหน่งของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ หรือที่เรียกว่า ยุคทรัมป์ 2.0 ทั้งในมิติการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมระหว่างประเทศ ตลอดจนผลกระทบต่อการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมโลก

อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มจะยังไปต่อได้ ปัจจัยเกื้อหนุน ประกอบด้วย การท่องเที่ยว การใช้จ่ายของภาครัฐ การบริโภค การลงทุน และการส่งออกที่ขยายตัวต่อเนื่อง ขณะที่ปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ สงครามการค้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศคู่ค้าตามนโยบายทรัมป์ 2.0 หนี้ครัวเรือนยังสูงถึง 89% และภาคการผลิตยังฟื้นตัวไม่ทันในปีที่ผ่านมา

 

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย

 

ปัจจัยหนุนส่งออกไทยปี 68 ยังขยายตัวต่อได้

ดร.รักษ์ เปิดเผยว่า แม้เศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญความไม่แน่นอนในยุคทรัมป์ 2.0 แต่เศรษฐกิจไทยยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการท่องเที่ยว การใช้จ่ายภาครัฐ การบริโภค การลงทุน และการส่งออก

โอกาสการส่งออกของไทยในปี 2568 ยังมีแนวโน้มขยายตัว ด้วยปัจจัยสนับสนุนหลายประการ

  • โอกาสส่งออกทดแทนสินค้าจีน เช่น คอมพิวเตอร์ ชิ้นส่วนยานยนต์ เครื่องปรับอากาศ
  • การขยายตัวของตลาดใหม่ในอินเดีย อาเซียน และตะวันออกกลาง
  • การบังคับใช้ข้อตกลงการค้าเสรีไทย-EFTA ฉบับแรกกับกลุ่มประเทศยุโรป

อย่างไรก็ตาม ยังมีความท้าทายที่ต้องเฝ้าระวัง

  • ความเสี่ยงจากมาตรการทางการค้าของสหรัฐฯ โดยเฉพาะสินค้าที่ไทยเกินดุลการค้าสูง
  • ผลกระทบต่อสินค้าไทยที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานของจีน
  • การแข่งขันด้านราคากับสินค้าจีนที่ทะลักเข้าสู่ตลาดโลก

EXIM BANK เตรียมแผนรับมืออย่างไร?

1. มุ่งเป็น Green Development Bank สนับสนุนธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
2. ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วน Portfolio ESG เป็น 50% ภายในปี 2570
3. พัฒนาบริการใหม่ เช่น
– การค้ำประกันหุ้นกู้ระดับ AAA
– บริการที่ปรึกษาทางการเงิน
– การให้สิทธิประโยชน์พิเศษแก่ธุรกิจที่คำนึงถึง ESG

EXIM BANK กับบทบาทการสนับสนุน Climate Finance ของไทย

ดร.รักษ์ กล่าวว่า นอกจากปัญหาความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย ปัญหาสิ่งแวดล้อมโลกยังทวีความรุนแรงและส่งผลกระทบต่อมนุษย์ รวมถึงภาคธุรกิจ อุณหภูมิโลกที่เพิ่มสูงขึ้นและภัยพิบัติที่รุนแรงขึ้น รวมถึงค่าฝุ่น PM 2.5 ทำให้มาตรการด้านสิ่งแวดล้อมยังเพิ่มจำนวนขึ้นถึงกว่า 18,000 ฉบับในปัจจุบัน โดยโลกและไทยยังต้องการเม็ดเงินสีเขียว (Climate Finance) อีกจำนวนมาก Climate Policy Initiative ประเมินว่า Climate Finance โลกปี 2566 อยู่ที่ราว 1.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี แม้ว่าเม็ดเงินดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอด 6 ปีที่ผ่านมา แต่ยังต่ำกว่าความต้องการที่ประเมินว่าสูงถึงราว 7.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีในช่วงปี 2567-2573 เท่ากับว่าโลกยังต้องการ Climate Finance เพิ่มขึ้นราว 5 เท่า

 

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย

 

กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK กล่าวต่ออีกว่า ที่ผ่านมาธนาคารมีบทบาทอย่างแข็งขันในการสนับสนุน Climate Finance ของไทย และจะเดินหน้าต่อยอดความเชี่ยวชาญในฐานะ Green Development Bank เป็นผู้นำผู้ประกอบการไทยสยายปีกสู่ธุรกิจเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมทั้งในและต่างประเทศ เพื่อผลักดันและขับเคลื่อนภาคธุรกิจของไทยให้เปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ส่งผลให้ Portfolio ที่สนับสนุนธุรกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Environmental, Social, and Governance : ESG) เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจนแตะระดับ 40% ของ Portfolio ทั้งหมด และมีเป้าหมายเพิ่มขึ้นเป็น 50% ภายในปี 2570

ชู 3 กลยุทธ์ Climate Finance พลิกโฉมธุรกิจไทยสู่ความยั่งยืน ดังนี้

1. สนับสนุนด้านเงินทุนสีเขียว
– ให้สินเชื่อดอกเบี้ยพิเศษสำหรับโครงการด้านสิ่งแวดล้อม
– ค้ำประกันหุ้นกู้สีเขียว (Green Bond) ระดับ AAA
– สนับสนุนการระดมทุนผ่านตราสารหนี้เพื่อสิ่งแวดล้อม
– จัดสรรวงเงินพิเศษสำหรับการลงทุนในเทคโนโลยีสะอาด

2. พัฒนาระบบนิเวศธุรกิจสีเขียว
– สร้าง Green Export Supply Chain ตลอดห่วงโซ่อุปทาน
– ให้คำปรึกษาด้านการปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
– สนับสนุนการรับรองมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมระดับสากล
– เชื่อมโยงเครือข่ายพันธมิตรด้านธุรกิจสีเขียว

3. ยกระดับศักยภาพผู้ประกอบการ
– เป็นที่ปรึกษาทางการเงินด้าน ESG
– พัฒนาองค์ความรู้ด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม
– สนับสนุนการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม
– ช่วยวางแผนการปรับตัวสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำ

เป้าหมายสำคัญ
– เพิ่มสัดส่วน Portfolio ESG เป็น 50% ภายในปี 2570
– สร้างความพร้อมให้ผู้ประกอบการไทยรับมือมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมระดับโลก
– ผลักดันการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ

ยกระดับสู่ธนาคารเพื่อความยั่งยืน พัฒนาระบบนิเวศการส่งออกสีเขียว

 

 

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย

 

ดร.รักษ์ เผยวิสัยทัศน์ว่า ปี 2568 มุ่งพัฒนาระบบนิเวศการส่งออกสีเขียว (Green Export Supply Chain) ผ่าน 3 บริการหลัก ดังนี้

1. สนับสนุนสินเชื่อสีเขียว
– ให้สิทธิประโยชน์และดอกเบี้ยพิเศษแก่ธุรกิจที่คำนึงถึง ESG
– พัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่เพื่อสนับสนุนการส่งออกและการลงทุน

2. บริการค้ำประกันหุ้นกู้
– ยกระดับ Credit Rating ของลูกค้าสู่ระดับ AAA
– ช่วยลดต้นทุนการระดมทุนผ่านหุ้นกู้
– เพิ่มความน่าเชื่อถือต่อนักลงทุนสถาบัน
– ช่วยให้ออกหุ้นกู้ได้อายุยาวขึ้นและวงเงินสูงขึ้น

3. บริการที่ปรึกษาทางการเงินครบวงจร
– ได้รับความเห็นชอบจาก ก.ล.ต. ตั้งแต่ 2 ตุลาคม 2567
– ให้คำปรึกษาการระดมทุนผ่านตราสารหนี้และตราสารทุน
– แนะนำการควบรวมกิจการ (M&A)
– อยู่ระหว่างขอใบอนุญาตจัดจำหน่ายตราสารหนี้

โดยมีเป้าหมายสำคัญ คือ
– ขยายฐานลูกค้าผ่านบริการทางการเงินที่ครบวงจร
– สร้างทางเลือกในการระดมทุนให้ผู้ประกอบการ
– ผลักดันการพัฒนาธุรกิจที่ยั่งยืนตามแนวทาง ESG

 

 

กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK กล่าวทิ้งท้ายว่า เรายังคงเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมด้านธุรกิจและบริการที่จะนำไปสู่โมเดลทางธุรกิจใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ทั้งทางการเงินและไม่ใช่การเงิน สอดคล้องกับทิศทางการค้าและการลงทุนในโลกปัจจุบันภายใต้นโยบายทรัมป์ 2.0 ที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ขณะเดียวกัน ยังเต็มไปด้วยโอกาสใหม่ ๆ ทางการค้าและการลงทุนของผู้ประกอบการไทยที่ปรับตัวได้ทันและมีการวางแผนบริหารจัดการความเสี่ยงทางธุรกิจระหว่างประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ