เทรนด์อาหาร

10 เทรนด์อาหาร-เครื่องดื่ม ปี 2568 จากร้านค้าปลีกชั้นนำ Whole Foods Market

Whole Foods Market (WFM) ผู้ค้าปลีกชั้นนำด้านอาหารธรรมชาติและออร์แกนิกของโลก และเป็นผู้จำหน่ายสินค้าออร์แกนิกที่ได้รับการรับรองรายแรกในสหรัฐอเมริกา เผย 10 เทรนด์อาหารที่คาดว่าจะมาแรงในปี 2568 ดังนี้

 

  1. ของขบเคี้ยวจากนานาชาติ

หมวดของว่างเป็นพื้นที่ที่พร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก โดยมีแบรนด์ต่าง ๆ ที่นำของว่างรสเค็มอย่างป๊อปคอร์นและผสมผสานกับรสชาติจากทั่วโลก เพื่อสร้างของว่างแบบฟิวชั่นที่ดึงดูดใจผู้บริโภคและกระตุ้นให้ลองสิ่งใหม่ ๆ บรรจุภัณฑ์ของแบรนด์เหล่านี้ยังสามารถเล่าเรื่องราวของวัฒนธรรมของตนเองได้ผ่านอาหารในวัยเด็กที่น่าจดจำ ผลิตภัณฑ์ในเทรนด์นี้จะช่วยให้ผู้บริโภคได้รู้จักอาหารจากทั่วโลกผ่านของว่างแบบดั้งเดิม เช่น ขนม Chamoy Chamoy คือเครื่องปรุงรสแนวเม็กซิกัน มีรสเผ็ดเปรี้ยวหวานและเค็มมักใช้คลุกกับผลไม้ คล้ายน้ำปลาหวานของไทย) หรือการผสมผสานใหม่ ๆ อย่างชิพข้าวเหนียวมะม่วง หรือถั่วผสมถั่วแระญี่ปุ่นคลุกพริกทอด

 

 

  1. เกี๊ยวหลากหลายสไตล์

เกี๊ยวเป็นแป้งที่ห่อไส้รสเค็ม โดยทั่วไปมักต้ม นึ่ง หรือทอด เป็นที่รู้จักในหลายวัฒนธรรมและกำลังปรากฏในหลายหมวดอาหาร ตั้งแต่แบบแช่แข็งจนถึงแบบเสิร์ฟเดี่ยว เกี๊ยวเหล่านี้มีจุดเด่นในเรื่องรากวัฒนธรรมของผู้คิดค้นสูตร และยังเหมาะสำหรับการผสมผสานวัฒนธรรมต่าง ๆ ซึ่งได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องทั้งบน TikTok และในเมนูร้านอาหาร เกี๊ยวเป็นเทรนด์อาหารที่มีอยู่ในครัวของหลายชาติ ทำให้ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในเทรนด์นี้ได้อย่างง่ายดาย

 

 

  1. ความกรอบ รสสัมผัสที่มาแรง

ตั้งแต่เมล็ดธัญพืชกรอบ กราโนล่า ไปจนถึงถั่วงอกและถั่วหมักกรอบ หรือถั่วลูกไก่และชิพเห็ดอบกรอบ ผู้บริโภคกำลังค้นหาผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มความกรอบให้กับมื้ออาหาร แบรนด์ต่าง ๆ สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มีความกรอบมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นชิพพริกกรอบสูตรใหม่ ๆ หรือเครื่องปรุงที่เน้นรสสัมผัสสำหรับสลัดและผักย่าง ผลไม้แห้งและขนมหวานกำลังเป็นที่นิยมในสื่อสังคมออนไลน์ เนื่องจากผู้บริโภคค้นหารสสัมผัสที่เบาและกรอบ กระแสความนิยมนี้ ยังเห็นได้ในเครื่องดื่มและขนมหวาน เช่น มาร์ตินี่เอสเปรสโซ่เครมบรูเล่ หรือขนมอบที่มีถั่วพิสตาชิโอกรอบๆ

 

  1. เครื่องดื่มเพิ่มความรู้สึกสดชื่น

วัฒนธรรมการใช้ขวดน้ำแบบรีฟิลกำลังเป็นที่นิยม แต่ผู้บริโภคต้องการมากกว่าน้ำธรรมดา พวกเขามองหาเครื่องดื่มที่มีเกลือแร่ (ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย) และช่วยเพิ่มความสดชื่นอย่างสร้างสรรค์มากขึ้น กระแสความนิยมนี้โดดเด่นในงานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งมีทั้งไอศกรีมแท่งที่มีผสมเกลือแร่ น้ำมะพร้าวแบบสปาร์คกลิ้ง น้ำคลอโรฟิลล์ และน้ำโปรตีน อีกทั้งยังมีผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เช่น น้ำกระบองเพชรที่มีสารต้านอนุมูลอิสระและอิเล็กโทรไลต์  รวมถึงเครื่องดื่มที่ดีกว่าของหวานและเครื่องดื่มสปอร์ตที่มีน้ำตาลหรือสีเทียม แม้แต่เครื่องดื่มสำหรับเด็กก็สามารถเข้าร่วมกระแสความนิยมนี้ได้ ด้วยเครื่องดื่มรสชาติใหม่ ๆ ในบรรจุภัณฑ์ที่สนุกสนาน เช่น ถุงน้ำผลไม้หรือมะพร้าวขนาดเล็ก

 

 

  1. ยุคของน้ำชา

น้ำชาเป็นที่พูดถึงมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งในด้านรสชาติที่นิยมทานกับขนมหวานและกราโนล่า (ชาไจ, เอิร์ลเกรย์, ลอนดอนฟอก) รูปแบบการชงใหม่ ๆ เช่น แถบชา ถุงชงเย็นสำหรับขวดน้ำ และชาผง รวมถึงผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เช่น น้ำชาผสมนมจากพืชและชาสปาร์คกลิ้ง งานปาร์ตี้น้ำชาในหมู่คนรุ่นใหญ่ในแนวย้อนยุค กำลังมาแทนที่ช่วง Happy Hour ด้วยลูกค้าที่มองหาชาที่มีส่วนผสมของสารปรับสมดุลและประโยชน์ต่อสุขภาพ กระแสความนิยมนี้ยังสอดคล้องกับคำพยากรณ์แนวโน้มในอดีตอย่าง เช่น เครื่องดื่มใหม่: Yaupon (ปี 2023) และเครื่องดื่มให้พลังงานที่บำรุงสุขภาพ (ปี 2024)

 

 

  1. บรรจุภัณฑ์ย่อยสลายอย่างเหนือชั้น

สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ไม่อาจเลี่ยงการใช้บรรจุภัณฑ์ได้อย่างสิ้นเชิง กำลังเปลี่ยนเส้นทางไปใช้บรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้ โดยทำให้บางส่วนหรือทั้งหมดของบรรจุภัณฑ์ย่อยสลายได้ บางแบรนด์ เช่น Compostic กำลังขยับขึ้นไปอีกระดับหนึ่งด้วยผลิตภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้ในบ้าน หมายความว่าส่วนประกอบทั้งหมดสามารถย่อยสลายในถังขยะที่บ้านเลย แทนที่จะต้องใช้กระบวนการเชิงพาณิชย์ ในขณะที่ Rainer Fruit กำลังพัฒนาสติกเกอร์แปะผลไม้ที่สามารถย่อยสลายได้ออกสู่ตลาดในขณะนี้

 

 

  1. เครื่องดื่มที่ยั่งยืนกว่าเดิม

แบรนด์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีวิสัยทัศน์กำลังทำงานเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ไวน์ธรรมชาติและออร์แกนิกอาจไม่ใช่ของใหม่ แต่แบรนด์ต่าง ๆ กำลังก้าวไปอีกขั้นด้วยวิธีการดำเนินงานแบบฟื้นฟูและบรรจุภัณฑ์ที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมต่ำมาใช้ ยกตัวอย่างเช่น Sustainable Wine Roundtable (ซึ่ง WFM เป็นสมาชิกผู้ก่อตั้ง) มีเป้าหมายลดน้ำหนักขวดลง 25% ภายในปี 2026 นอกจากนี้ แบรนด์เบียร์และวิสกี้ยังหันมาใช้ธัญพืชทนแล้งอย่างฟอนิโอ หรือธัญพืชที่ช่วยฟื้นฟูสภาพดินได้อย่างเคิร์นซามาใช้เป็นส่วนผสม

 

 

  1. การยกระดับขนมปังหมัก Sourdough

ในช่วงการระบาดของโควิด-19 บรรดาแม่ครัวขนมอบประจำบ้านหันมาทดลองทำขนมปังหมัก Sourdough กันมากมาย ปัจจุบันกระแสความนิยมนี้ได้เข้าสู่ชั้นวางของในซูเปอร์มาร์เก็ตทั้งในรูปแบบดั้งเดิมและนวัตกรรมใหม่ ๆ เช่น แป้งพิซซ่า แป้งขนมปังแผ่นบาง บราวนี่ แครกเกอร์ ช็อกโกแลต และยังมีอีหลากหลายรูปแบบ ลูกค้ากำลังมองหาประโยชน์และรสชาติของ Sourdough โดยไม่ต้องเสียเวลาเข้าครัวทำเองที่บ้าน นอกจากนี้ยังมีนวัตกรรมขนมปังหมัก Sourdough ใหม่ๆ เปิดตัวในแผนกเบเกอรี่ของ WFM เช่น ขนมปังหมัก Sourdough ฟักทองและขมิ้น

 

 

  1. ส่วนผสมจากพืชน้ำ

ด้วยความนิยมที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องของสาหร่ายทะเลและความสนใจในการเก็บเกี่ยวพืชน้ำเพื่อเป็นแหล่งโปรตีนและสารอาหารที่ยั่งยืนมากขึ้น อาหารที่ทำจากพืชน้ำและพืชน้ำจืดเริ่มเป็นที่นิยม สาหร่ายทะเลเป็นส่วนผสมที่ได้รับการกล่าวถึงอย่างมากในกลุ่มผู้บริโภคที่ห่วงใยสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ที่มีธาตุเหล็ก แมกนีเซียม และไอโอดีน ซึ่งจะพบได้ในเครื่องดื่มและขนมแบบกัมมี่ นอกจากนี้ยังมีพืชน้ำตระกูลจอกแหน เช่น Duckweed หรือ Water Lentils ซึ่งยังถือว่าเป็นของใหม่ในตลาดอยู่ และก็มีการโอ้อวดไว้ว่ามีโปรตีนสูงกว่าผักใบเขียวชนิดอื่น ๆ และวุ้นเส้นจากสาหร่ายสีแดง (Agar-Agar) ซึ่งเป็นเจลาตินจากพืชที่ช่วยในเรื่องระบบการย่อยอาหารทำงานได้ดี

 

 

  1. เพิ่มพลังด้วยโปรตีน

ผู้บริโภคกำลังมองหาวิธีเพิ่มปริมาณโปรตีนในอาหารมากขึ้นจากเดิมที่เป็นแบบผงชงดื่มหรือที่เป็นแท่งพร้อมรับประทาน โดยจะเน้นการบริโภคโปรตีนในระหว่างมื้ออาหารปกติและของว่างที่เป็น “อาหารธรรมชาติ” สูตรอาหารที่ทำจาก ชีสสด (cottage cheese) (ยังเป็นรายการแม่เหล็กที่ดึงดูดลูกค้าได้ดีในหมวดผลิตภัณฑ์นมอยู่) อาจเป็นตัวจุดประกายความต้องการค้นหาโปรตีนจากแหล่งอาหารที่เป็นธรรมชาติ ผ่านกระบวนการผลิตน้อย โดยโปรตีนจากเนื้อสัตว์กลายเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญ นอกจากนี้ เครื่องในสัตว์กำลังถูกยกย่องว่าเป็น สุดยอดอาหาร ที่ให้โปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุอย่างมาก ทำให้ผู้บริโภคหันมาซื้อผลิตภัณฑ์เนื้อผสมกับเครื่องใน เพื่อให้ได้รับประโยชน์ทางโภชนาการโดยไม่ต้องเรียนรู้วิธีปรุงอาหารประเภทตับ ไต หรือหัวใจ

 

 

เรื่องที่เกี่ยวข้อง