บ้านชอนใหญ่ หมู่ 3 ต.บ้านชอนสารเดช อำเภอหนองม่วง จ.ลพบุรี เป็นดินแดนดึกดำบรรพ์ยุคเพอร์เมียน ราว 285 ล้านปีก่อน เนื่องจากขุดพบฟอสซิล ซากดึกดำบรรพ์ตามโขดหินปูน ซากสัตว์ทะเลจำพวกฟิวซูลินิด ในบริเวณวัดคีรีนาครัตนาราม จึงสันนิษฐานว่าบริเวณนี้เคยเป็นท้องทะเลตื้นมาก่อน
พ.ศ. 2500 ได้ค้นพบรอยพระพุทธบาทข้างซ้ายบริเวณป่าที่วัดคีรีนาครัตนาราม โดยหลวงพ่อองค์ดำ อดีตเจ้าอาวาส และมีการสร้างรูปหล่อพระสังกัจจายน์ และพระพุทธรูปปางป่าเรไรย์องค์ใหญ่มาก คนส่วนใหญ่มักไปกราบไหว้และปิดทองที่รอยพระพุทธบาทเพื่อเสริมสิริมงคล
พื้นที่ทางเข้าถ้ำเขาจักจั่น มีการปรับปรุงภูมิทัศน์ให้งดงามขึ้น บันไดทางเข้าถ้ำก็สะดวก ภายในโถงถ้ำได้ติดไฟแสงสว่างงดงาม สร้างศาลาคลุมพระพุทธรูปองค์ใหญ่
อีกมุมเป็นที่ตั้งหลวงปู่ฤาษี คนนิยมมากราบสักการะรูปหล่อหลวงพ่อทอง ทัสสณีโย พระเกจิอาจารย์ผู้เคยพำนักในถ้ำนี้แต่เพียงองค์เดียว ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2499 ขึ้นชื่อเรื่องการปลุกเสกวัตถุมงคล ถึงขั้นผู้เฒ่าผู้แก่เล่าว่า ตะกรุดของท่านสามารถตัดเมฆตัดฝนได้อย่างปาฏิหาริย์
ด้วยความศรัทธาในพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง ผู้คนในพื้นที่จึงเลื่อมใสและเดินทางพบ หนึ่งในพระอาจารย์ชื่อดังของจังหวัดลพบุรี คือ หลวงพ่อเปลี้ย คุณสัมปันโน อดีตเจ้าอาวาสวัดชอนสารเดช เป็นที่เคารพของชาวบ้าน
โดยวัตถุมงคลที่ได้รับความนิยมมากสุดคือ ลิงฮารุ่นแรก สร้างเมื่อปีพ.ศ. 2538 ต่อมา 6 เมษายน 2540 หลวงพ่อเปลี้ย ก็ได้มรณภาพอย่างสงบ
มะม่วงแช่อิ่มชอนโต้ เป็นสินค้าโอทอป 4 ดาวของที่นี่ เนื่องจากเป็นแหล่งเพาะปลูกต้นมะม่วงที่ให้ผลผลิตดี นอกจากนั้นยังมีไข่เค็มสูตรโบราณ ทองม้วนสมุนไพร 2 รส และผ้าพันคอทอมือลายริ้วแบบต่างๆ
สำหรับอาหารถิ่น ได้แก่ แกงป่าขี้เหล็กหมูย่าง สูตรไม่ใส่กะทิ ที่ใช้ใบขี้เหล็กไม่แก่มาก มาต้มเพื่อไล่ความขมจนใบนิ่ม
จากนั้นก็ชูรสด้วยพริกแกง น้ำปลาร้า แล้วตามด้วยหมูย่างและกากหมูเพื่อเพิ่มอรรถรสในการกิน
ต้มยำไก่บ้าน ต้มยำน้ำใสรสคล่องคอ ที่ใช้ไก่บ้าน เนื้อเหนียวนุ่ม ปรุงแต่งด้วยเครื่องต้มสมุนไพร หอมแดง ตะไคร้ ใบมะกรูด มะเขือเทศ พริกแห้ง พร้อมเติมรสเปรี้ยวด้วยส้มมะขาม และความหอมจากใบกระเพรา
ยำสะเดาน้ำปลาหวาน เมนูจานพิเศษเฉพาะฤดูกาลของสะเดา แกะเนื้อปลาดุกย่างหอมฟูเหลือง พริกทอด หอมทอด กระเทียมทอด น้ำตาลปีบ น้ำมะขามเปียกคลุกเครื่องยำให้เข้า ทานกับไข่ต้มยางมะตูมอร่อยลงตัว
ข้าวเหนียวหน้ากลอย เป็นขนมไทยโบราณหากินยาก ที่ใช้หัวกลอยพืชหัวคล้ายเผือกมาต้มฝานเป็นชิ้นเล็กๆ แช่น้ำไว้ประมาณ 7 วัน แล้วจึงคั้นเอาน้ำออก นำมาคลุกมูลข้าวเหนียวหัวกะทิให้หอมมัน พร้อมโรยมะพร้าวขูดเส้น และงาคั่ว
ขนมข้าวโปง ของหวานท้องถิ่นอีกชิ้นเหนียวหนึบที่น่าชิม ที่ใช้ข้าวเหนียวนึ่งมาห่อไส้ถั่วลิสงตำละเอียด และน้ำตาลอ้อย แล้วปั้นเป็นลูกกลม คลุกงาขาวคั่วเหลืองหอม เป็นอันพร้อมเสิร์ฟ
สำหรับใครที่มาเที่ยวชอนสารเดชช่วงปลายปีถึงต้นปี จะได้สัมผัสอีกหนึ่งไฮไลท์คือ ทุ่งทานตะวันบานเหลืองอร่ามเต็มทุ่งกว่า 1,700 ไร่ ซึ่งทางอบต. ได้ส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกเป็นพืชรุ่นสอง เน้นปลูกตามเส้นทางผ่านของนักท่องเที่ยว คือถนนพหลโยธิน หมายเลข 1 ซึ่งเป็นเส้นทางไปเหนือและอีสาน
แนะนำให้ไปชมช่วงเช้า เพราะแสงอาทิตย์ที่สะท้อนมากระทบน้ำค้างบนดอกทานตะวัน จะทำให้ทั้งทุ่งดูงดงามเป็นพิเศษ