กิรณา มามาก หรือ คุณฝน อดีตพนักงานออฟฟิศ เริ่มเส้นทางอาชีพจากเจ้าหน้าที่ออกแบบคอมพิวเตอร์กราฟิกหลังเรียนจบจากเพาะช่าง จนมีโอกาสเดินเข้าสู่สายอาชีพเกษตรกรอย่างเต็มตัว เมื่อเพื่อนชักชวนให้เข้าอบรมความรู้เรื่องการปลูกผักไฮโดรโปรนิกส์ ทำให้มีความสนใจเพราะมองเห็นช่องทางที่ตลาดเปิดกว้าง
คุณฝนเล่าให้ Smart SME ฟังว่า เริ่มจากทำงานเป็นพนักงานที่บริษัทแห่งหนึ่ง แต่ด้วยความที่ออฟฟิศอยู่ไกลบ้าน ทำให้ต้องเช่าหอพักจึงเริ่มมองหางานใหม่ที่อยู่ใกล้บ้าน จากนั้นได้มาทำงานที่คอนวีเนี่ยนสโตร์แห่งหนึ่งใกล้บ้านเนื่องจากเบื่อปัญหาเรื่องการเดินทาง หลังจากทำได้สักพักเริ่มมีเพื่อนที่ทำงานชักชวนไปอบรมเรื่องการปลูกผักไฮโดรโปรนิกส์ เลยได้ความรู้จากการอบรม จนคิดว่าน่าจะเป็นทางที่ใช่และเหมาะกับตัวเองมากกว่าทำงานประจำ แต่ช่วงเริ่มต้นเป็นการทำแปลงเล็กๆ ควบคู่ไปกับงานประจำเพื่อลองตลาด ทำไปเรื่อยๆ ก็เริ่มขยายไปเรื่อยๆ จนตอนนี้มีฟาร์มผักเป็นฟาร์มที่ 2 ใหญ่กว่าแปลงแรกสองเท่า ทำให้ไม่มีเวลาทำงานอย่างอื่น เนื่องจากเป็นการเรียนรู้และทำด้วยตัวเองภายในครอบครัว ที่ฟาร์มจึงไม่มีลูกจ้างมาช่วย ก็เลยตัดสินใจลาออกจากงานประจำ มาเลือกทำฟาร์มผักแบบเต็มตัว
ทำไมเลือกเดินสายเกษตร….
เริ่มแรกเราก็ลองเริ่มจากการใช้พื้นที่บริเวณบ้านของเราเองประมาณ 60 ตารางวา พอเริ่มเข้าที่เราก็ขยายไปเรื่อยๆ จนถึงตอนนี้เรามีแปลงผักเพิ่มอีกร้อยกว่าตารางวา ก็จะมีพื้นที่รวมอยู่ที่ประมาณ 160 ตารางวา เก็บขายได้ทุกวัน วันละ 23 กิโลกรัม กิโลละ 80 บาท ก็ถือว่าเราอยู่ได้สบายๆ แบบที่ไม่ต้องง้องานประจำ เป็นธุรกิจที่เราสร้างเองแถมได้ทำในสิ่งที่รัก ถือว่าเรามีกำไร 2 ต่อ เวลาที่เราเห็นผักเติบโตขึ้นทุกวัน จนสามารถขายได้จริงๆ มันทำให้ทุกวันที่เราทุ่มเททำไป ได้ผลกลับมาคุ้มค่ามาก ที่ฟาร์มเราปลูกผัก 3 ชนิดคือ สลัดกรีนโอ๊ค เรดโอ๊ค เรดคอรัล ที่ตลาดนิยมมากถือว่าเป็น 3 ชนิดที่ขายดีเลย
เตรียมแปลงผัก แพลนก่อนเริ่มต้นอย่างไรไม่ให้เจ๊ง
ถ้าคุณเลือกแล้วว่าจะเลือกเดินเข้าสู่วิถีเกษตรจริงๆ ใจต้องมาก่อน แล้วก็ต้องเตรียมเหนื่อยล่วงหน้าได้เลย การทำฟาร์มผักต้องใจเย็นมาก ต้องศึกษาว่าเพาะเมล็ดยังไง, ผักมีอายุเท่าไหร่ถึงเก็บได้ ต้องใจเย็นระดับสิบ หมั่นคอยสังเกตผักแต่ละใบว่าใบเหลืองไหม มีใบไหนเป็นจุด ขอบดำ รากเน่าหรือเปล่า ต้องสังเกตทุกวัน ทุกใบ ถ้าคุณทำได้ คุณก็ทำฟาร์มผักได้
นอกจากนี้ต้องคำนึงถึงพื้นที่ ต้องมีโครงสร้าง มีโรงเรือน มีตลาดที่รองรับ หลายส่วนที่ต้องเช็คลิสต์ความพร้อมไปทีละขั้น ถ้าไม่มั่นใจให้ทำเล็กๆ ดูก่อน เวิร์คเมื่อใหม่ก็เดินหน้าลุยได้เลย…
กลุ่มเป้าหมาย, ตลาดที่รองรับ?
….มีเยอะเลยค่ะ ข้อดีที่เราเริ่มชีวิตการทำจากงานออฟฟิศทำให้เรามีเพื่อน พี่น้อง เรียกว่าแอบมีคอนเน็คชั่นติดตัวมาก่อน พอผักโตเราก็ตัดไปแจก พอเค้าติดใจก็เริ่มสั่ง เริ่มจากคนใกล้ๆ ตัว พอเริ่มติดตลาดโดยวิธีการบอกแบบปากต่อปาก เราก็เริ่มได้ลูกค้าเพิ่มขึ้น ตอนนี้ลูกค้าประจำที่เราส่งให้ก็จะเป็นร้านสเต็ค, ร้านสลัดโรล, ร้านอาหารต่างๆ เพราะยุคนี้คนนิยมอาหารแบบคลีน ปลอดสารพิษ เราว่าเราเริ่มธุรกิจมาถูกทาง การตลาดแบบนี้ตายยากเพราะเป็น 1 ในปัจจัย 4 ที่ใครก็กินได้ ยิ่งกินแล้วไม่มีสารพิษ ความเสี่ยงที่ธุรกิจจะเจ๊งก็น้อย เรากินเองก็สบายใจ ให้พ่อแม่ แบ่งให้พี่น้อง ก็ไม่ต้องซื้อหา แถมปลอดภัยอีกด้วย
กลัวคู่แข่ง….?
ไม่กลัวค่ะ… เริ่มก่อนได้เปรียบ เราทำฟาร์มในกรุงเทพฯ ข้อดีคือมีคู่แข่งน้อย แต่ความต้องการเยอะ แต่หลังจากนี้ก็ไม่แน่…เราก็ต้องพัฒนาฟาร์มผักไปเรื่อยๆ ไม่มีอะไรแน่นอน เราเลือกรักษาคุณภาพผักเราไว้ก่อนก็จะเป็นทางที่ดีที่สุด
ขอบคุณข้อมูลเจ้าของธุรกิจ : ฟาร์มผักกิรณา พุทธมณฑลสาย 3 Tel. : 095-582-1522
