กาแฟเพื่อชีวิต “มาลีฮวนน่า แบล็ก คอฟฟี่” ตีโจทย์การขายด้วยกลยุทธ์ “ป่าล้อมเมือง”


ศิลปินกับการทำแบรนด์สินค้า กลายเป็นเรื่องธรรมดาที่มักจะมาคู่กันเสมอ แต่ครั้งนี้มีความพิเศษและไม่ธรรมดาตรงที่ สินค้า คือ กาแฟดำ และคนทำคือศิลปินที่โด่งดังในนามวงดนตรีเพื่อชีวิตแดนใต้ ที่น้อยคนนักจะไม่รู้จักอย่างวง มาลีฮวนน่า

การเปิดตัว “มาลีฮวนน่า แบล็ก คอฟฟี่” จึงเรียกกระแสความสนใจได้ไม่น้อยเพราะ คฑาวุธ ทองไทย หรือ ไข่ มาลีฮวนน่า คือเจ้าของแบรนด์ ซึ่งถือได้ว่านี่คือนักร้องนำระดับตำนาน ผู้ร่วมก่อร่างตั้งวงมาลีฮวนน่ากับการเปิดตัวอีกครั้งด้วยบทบาทการก้าวเข้ามาเป็นเจ้าของธุรกิจ ทำแบรนด์สินค้าลงเล่นในตลาดเครื่องดื่มอย่างกาแฟที่มีมูลค่ามหาศาล ผ่านกลยุทธ์สุดคลาสสิค “ป่าล้อมเมือง” ตีวงขายโดยเริ่มจากนอกเขตพื้นที่ธุรกิจ เข้ามาสู่ศูนย์กลางภายใน จากตลาดต่างจังหวัดค่อย ๆ ขยับสร้างการรับรู้เพื่อนำสินค้าเข้ามาสู่ตลาดเมืองหลวง

 

 

“มาลีฮวนน่า แบล็ก คอฟฟี่” แบรนด์กาแฟ…เพื่อชีวิต

ไข่ มาลีฮวนน่า เล่าที่มาที่ไปของแนวคิดการเริ่มต้นธุรกิจใหม่ว่า “…อาชีพนักดนตรี เราต้องยอมรับว่าเป็นอาชีพที่ไม่มั่นคง เพราะไม่ได้มีเงินเดือน ไม่มีเงินบำเหน็จบำนาญ หากเกิดสถานการณ์ต่าง ๆ ขึ้นมา ศิลปินคืออาชีพแรกที่ได้รับผลกระทบโดยตรง บนเวทีที่เราเล่นดนตรีทุกครั้ง ความรับผิดชอบไม่ใช่แค่เพียงตัวเรา แต่หมายถึงสมาชิกที่ร่วมวง นักดนตรีที่ขึ้นไปเล่น ทีมงานเบื้องหลังกว่า 20 ชีวิตในแต่ละคอนเสิร์ต ทั้งยังรวมไปถึงครอบครัวของพวกเขาด้วย ซึ่งเมื่อเราเห็นโอกาสว่ายังมีช่องทางที่จะต่อยอดแบรนด์สินค้าในรูปแบบของการทำธุรกิจได้ จึงคิดว่านี่คือสิ่งที่ควรทำ เพื่อให้เกิดรายได้ที่มั่นคงในอนาคต

 

 

นักร้องระดับตำนาน กล่าวต่อว่า จุดเริ่มต้นจริง ๆ เริ่มจากเรามองเห็นว่าวัฒนธรรมพื้นถิ่นของภาคใต้ ในวิถีเดิมที่คุ้นเคย นั่นคือ สภากาแฟ ที่ถือเป็นหนึ่งในรูปแบบการใช้ชีวิตของคนพื้นที่ภาคใต้ ตั้งแต่วัยเด็กส่วนใหญ่จะเติบโตมากับร้านกาแฟในถิ่นฐานบ้านเกิด รวมทั้งมองเห็นโอกาสจากการที่ ต้นกาแฟต้นแรก ที่ปลูกที่ภาคใต้อยู่ไม่ไกลจากบ้านของตนเอง อีกทั้งความชอบส่วนตัวก็นิยมการดื่มกาแฟดำเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงกลายเป็นที่มาของแนวคิดการทำแบรนด์ “มาลีฮวนน่า แบล็ก คอฟฟี่” ขึ้นมา

“…เสน่ห์ของการดื่มกาแฟ อยู่ที่ความหลากหลาย อย่างกาแฟดำ เมื่อใส่นมข้น เขาก็เรียกว่า ยกล้อ แล้วก็ยังมีโอเลี้ยง ที่ให้ความสดชื่นเมื่อดื่ม สรุปก็คือ ที่สนใจทำธุรกิจกาแฟเพราะมันมีความหลากหลาย “กาแฟ” เป็นรากของวัฒนธรรมที่เราคุ้นชินมายาวนาน และที่สำคัญคือความชื่นชอบส่วนตัว” ไข่ มาลีฮวนน่า ขยายความเพิ่มเติม

 

ก้าวใหม่…บนเส้นทางธุรกิจ

“…การเดินทางไกลของทัพเหมา เจ๋อ ตง ใช้เส้นทางนับหมื่นลี้ แสนลี้”  ไข่ มาลีฮวนน่า กล่าว เขาบอกต่อว่า ต้องดูกันในระยะยาว ๆ ส่วนหนึ่งเรามีฐานลูกค้าบ้างแล้ว แต่ต้องเรียนรู้กันต่อไป เพราะยอมรับว่าการทำธุรกิจ ไม่ใช่สิ่งที่มีความถนัดสักเท่าไหร่ แต่ครั้งนี้มีแม่ทัพฝีมือดีอย่าง เอกระพีร์ สุขกุลพิพัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการบริษัท จีเอ็มอินเตอร์ฟู้ด จำกัด เป็นผู้ดูแลการตลาดในภาพรวมทั้งหมด ส่วนของตนรับหน้าที่เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์

 

 

“มาลีฮวนน่า แบล็ก คอฟฟี่” เข้าสู่เวที ชิงส่วนแบ่งตลาด

เอกระพีร์  ผู้ร่วมผลักดันธุรกิจกาแฟน้องใหม่ เล่าถึงทิศทางการดำเนินแผนการตลาดที่จะใช้เป็นกลยุทธ์ในการขับเคลื่อนแบรนด์ว่า “เริ่มจากเราทำการสร้างภาพจำ เพื่อเป็นการบอกกล่าวให้สังคมรับรู้ผ่านชื่อเสียงที่คุ้นหูของวงมาลีฮวนน่า ในระยะต้น เราทุ่มงบประมาณในการดำเนินแผนการตลาดราว 2-3 ล้านบาท เพื่อทำหนังโฆษณาขึ้นมาเผยแพร่ในช่องทางโซเชียลมีเดียทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ยูทูป แฟนเพจ ไลน์ออฟฟิเชียล แอคเคาน์ ต่าง ๆ ซึ่งใช้การถ่ายทำในระบบ Full HD คือถ่ายทำจะใช้แบบเดียวกับการถ่ายทำภาพยนตร์ เพื่อความคมชัดสูง ใส่ใจในทุกขั้นตอนการถ่ายทำเพื่อให้ได้โฆษณาที่มีคุณภาพ ใช้ทีมโปรดักชั่น เฮ้าส์ มืออาชีพ เพื่อถ่ายทอดความเป็นอัตลักษณ์ของคนใต้มาถ่ายทอดให้เห็นถึงวิถีชีวิตจริง ๆและเราจะปล่อยโฆษณาชุดนี้อย่างต่อเนื่อง เป็นเวลา 13 เดือน

ไฮไลท์ (Highlight) ของโฆษณาชุดนี้ อยู่ที่จะมีโฆษณาหลักไม่ซ้ำรูปแบบกันในแต่ละเดือนจะมีธีม (Theme) ประจำเดือน และจะมีโฆษณาซับย่อย เสริมเข้ามาประกอบการประชาสัมพันธ์ผสานไปกับการทำประชาสัมพันธ์ผ่านการแสดงคอนเสิร์ตของวงมาลีฮวนน่า รวมไปถึงการทำกิจกรรมอีเว้นท์ใน 14 จังหวัดภาคใต้ ที่เป็นทาร์เก็ตหลักของสินค้า

 

 

เอกระพีร์ บอกอีกว่า เรามีแผนการตลาดเพื่อทำให้สินค้าเข้าไปอยู่ในทุกร้านค้าให้ได้มากที่สุดในพื้นที่ 14 จังหวัด แม้ที่ผ่านมาผู้บริโภคจะมีภาพจำในการทำการตลาดจากแบรนด์ใหญ่ ๆ ที่มักจะนิยมปูพรมพร้อมกันทั่วประเทศ แต่กลยุทธ์ในแบบของเขานั้น เลือกที่จะยึดหัวหาดถิ่นบ้านเกิดให้ได้ก่อน จากนั้นระยะต่อไปการจำหน่ายสินค้าให้ครอบคลุมทั่วประเทศจะเป็นการขายผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งไม่ว่าใครก็สามารถสั่งซื้อได้ทั่วประเทศ รวมทั้งทั่วโลก

ขณะเดียวกัน ในระยะกลางจะเน้นการกระตุ้นการขายในพื้นที่ บวกกับการใช้โซเชียลมีเดีย ส่วนแผนระยะถัดไป จะใช้การทำอีเว้นท์เพิ่มขึ้นทุก ๆ ไตรมาส ไม่ว่าจะเป็น อีเว้นท์มิวสิกมาร์เก็ตติ้ง (Music Marketing) ผ่านวงมาลีฮวนน่า การทำสปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง (Sport Marketing) ผ่านกีฬาบางประเภทที่เรามองว่ามีความเหมาะสมกับสินค้าเรา ไม่ว่าจะเป็นการชกมวย กีฬาวัวชน กีฬาไก่ชน รวมทั้งผ่านการแสดงพื้นบ้าน ทั้งหนังตะลุง มโนราห์ ในบางคณะที่จะจับมือกับเรา เพื่อร่วมกันทำกิจกรรมต่าง ๆ ให้ผู้คนในพื้นที่ 14 จังหวัดเพื่อเป็นการสร้างการรับรู้ นี่คือแผนการตลาดในปี 2563 

 

โจทย์ที่ท้าทาย กลยุทธ์ “ป่าล้อมเมือง” 

เอกระพีร์  กล่าวถึงกลยุทธ์ที่ต้องตีโจทย์ให้แตก เพราะความท้าทายจากการแข่งขันที่มีสูง โดยเฉพาะสินค้ากาแฟกระป๋อง ที่ต้องลงทุนด้วยเม็ดเงินมหาศาลหากจะทำการตลาดแบบปูพรมทั่วประเทศว่า “เราศึกษาตลาดผ่านข้อมูลมากมายมาอย่างถี่ถ้วน จึงมีการปรับมาใช้กลยุทธ์ป่าล้อมเมือง รวมทั้งสร้าง Brand Royalty ให้ลูกค้าเกิดการภักดีต่อแบรนด์มาลีฮวนน่า ให้ความเป็นตำนานของวงดนตรีที่ทุกคนรู้จักคุ้นเคยมาอย่างยาวนานเกิดประโยชน์ทางการตลาด

…เรามีการวางหมากเด็ดไว้ว่า หากนับตั้งแต่จังหวัดเพชรบุรีลงไป หากคุณต้องการกินกาแฟดำ…ต้องนึกถึงเรา จากนั้นตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นไป เราจะมีการผลิตหนังโฆษณาสำหรับภาคอื่น ๆ เพิ่มเติมด้วย ส่วนจะเป็นที่ไหนก่อนนั้น ก็ต้องมาดูข้อมูลที่จะนำมาวิเคราะห์กันว่า ควรจะรุกตลาดในพื้นที่ภาคใด และเป้าหมายที่วางไว้ในระยะยาวคืออีก 4 ปีจากนี้ สินค้าของเราจะสามารถปูพรมขายได้ทั่วประเทศ

 

เรียบเรียงจาก : ThaiQuote