“Yuedpao” แบรนด์เสื้อยืดบนห้างฯ ขายตัวละ 100 บาท สร้างรายได้เดือนละ 10 ล้านบาท


จากจุดเริ่มต้นของหนุ่มใจสู้ที่ยอมกล้าเสี่ยงลงทุน “ขายบ๊อกเซอร์” ด้วยเงิน 8,000 บาท ขายอยู่แถวหน้ารามคำแหง ต่อยอดสู่ธุรกิจเสื้อยืดแบรนด์ “ยืดเปล่า” ขายตัวละ 100 บาท สร้างรายได้ถึงเดือนละ 10 ล้านบาท ในระยะเวลา 2 ปี ที่ทุกวันนี้มีสาขาในห้างเยอะมาก

จากวันนั้นมาถึงวันนี้คุณทนงศักดิ์ แซ่เอี๊ยว เจ้าของแบรนด์ Yuedpao ต้องผ่านอุปสรรคอะไรมาบ้าง เรามาอ่านเรื่องราวที่น่าสนใจนี้กัน

จุดเริ่มต้น เรียนไปด้วย ขายของไปด้วย

คุณทนงศักดิ์ แซ่เอี๊ยว เจ้าของแบรนด์ Yuedpao เล่าย้อนถึงจุดเริ่มต้นการทำธุรกิจว่าตอนนั้นตนมีเงินอยู่ 8,000 บาท แบ่งเป็น 5,000 บาท ขอแม่ และอีก 3,000 บาท คือเงินเก็บตนเอง นำเงินส่วนนี้ไปซื้อบ๊อกเซอร์มาขายประมาณเกือบ 1 อาทิตย์ ก็นำเงินไปลงทุนต่อเลย จากที่ขายได้วันละ 200 บาท 300 บาท ก็เพิ่มเป็นวันละ 1,000 บาท และขยับเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ

“ผมขายบ๊อกเซอร์ตั้งแต่ปี 54 เป็นตลาดกลางแจ้งบริเวณหน้าราม ช่วงนั้นเรียนไปด้วย ขายของไปด้วย ขายมาสักพักต้องมาเจอกับช่วงหน้าฝน ซึ่งปีนั้นฝนตกหนักมาก จากยอดขาย 100% เหลือแค่ 10% จนต้องมีการปรับเวลาการขายเป็นช่วงเช้าแทน เพื่อหนีฝนที่ชอบตกช่วงค่ำ”

 

 

คุณทนงศักดิ์ เล่าถึงชีวิตในช่วงนั้นว่าเป็นช่วงเวลาที่เหนื่อยมาก เพราะต้องตื่นตี 5 เพื่อไปขายของในช่วงเช้า และช่วงเย็นถ้าไม่เจอฝนก็มาขายอีก กว่าจะเก็บร้านเรียบร้อยร้อยเกือบ 4-5 ทุ่ม แต่สุดท้ายก็ทำให้รอดมาได้จากช่วงวิกฤตน้ำท่วมปี 54

จุดเปลี่ยนจาก “บ๊อกเซอร์” สู่ “เสื้อยืด”

จากช่วงแรกของการทำธุรกิจที่ขายตามตลาดนัด พอมีเงินเยอะขึ้นก็มีรุ่นพี่ชักชวนให้ไปขายที่จตุจักร ไปขายตอนแรก คือไปขายแบบหนีเทศกิจ พอขายไปสักพักคุณทนงศักดิ์ เริ่มมองเห็นโอกาสอยากจะมีหน้าร้านเหมือนกับคนอื่น โดยดูจากคนที่ขายของจตุจักรช่วงนั้นสามารถตั้งตัวได้เยอะ

“พอขายบ็อกเซอร์มาเรื่อย ๆ มีหลาย ๆ ล็อค เราเริ่มมองหาสินค้าใหม่ ๆ โดยเริ่มจากการสำรวจตัวเองว่าเป็นคนชอบใส่เสื้อยืด และถ้าเราขายบ๊อกเซอร์ไปเรื่อย ๆ มันจะตัน เพราะเป็นตลาดเฉพาะกลุ่ม ดังนั้นจึงมีไอเดียที่จะทำเสื้อยืด เพราะใส่ง่าย ใส่ได้ทุกวัน ก็เลยตัดสินใจเปิดร้านเสื้อยืดเพื่อมาขายข้าง ๆ ร้านบ็อกเซอร์”

 

คุณทนงศักดิ์ เล่าถึงที่มาที่ไปของแบรนด์ Yuedpao ว่าก่อนที่จะมาเป็นเสื้อ Yuedpao ตนขายเสื้อยืดมาเป็นระยะเวลา 2 ปีกว่า ช่วงแรกที่ขายเป็นการไปหาผ้าสต็อกที่เหลือจากแบรนด์ใหญ่ ๆ มาขาย ด้วยความหลากหลายของผ้าสต็อกทำให้ตนได้ความรู้ในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก สุดท้ายไปเจอผ้าอยู่ตัวหนึ่งแล้วชอบมาก ก่อนจะเป็นแบรนด์ Yuedpao ตนใส่ผ้าตัวนั้นมาตั้งแต่แรกประมาณ 2 ปีกว่า พบว่าผ้ามีความคงทนมาก สภาพเหมือนเดิมทุกอย่าง

“ผ้านี่ยังไม่มีใครเห็น เราเลยพัฒนาเอาผ้าตัวนี้ไปให้โรงงานทำ พอขายมาสักพัก เริ่มมีทุน มีเงินเก็บเลยตัดสินใจสร้างแบรนด์ Yuedpao ขึ้นมา”

ทำไมต้องเป็นแบรนด์ Yuedpao

คุณทนงศักดิ์ อธิบายถึงเรื่องนี้ว่าตอนแรกที่ไปขายจตุจักร กลุ่มเป้าหมายของเรา คือวัยรุ่น นักศึกษา เราเลยต้องการสื่อสารให้ลูกค้าเข้าใจง่าย สุดท้ายมาได้ชื่อว่าแบรนด์ว่า “ยืดเปล่า” ต้องย้อนกลับไปก่อนว่าตอนแรกที่ขายบ๊อกเซอร์ก็ใช้ชื่อแบรนด์ว่า “บ๊อกป่ะ” เพราะลูกค้าเดินผ่านหน้าร้าน และมักถามเป็นประโยคคำถามว่า “เธอ ๆ เอาบ๊อกป่ะ” ตนเอาคำพูดของลูกค้ามาตั้งเป็นชื่อแบรนด์ เช่นเดียวกันเสื้อยืดที่เพื่อนมักถามกันว่า “เฮ้ย! มึงเอาเสื้อยืดเปล่า”

“ก่อนจะทำยืดเปล่า ผมทำเสื้อยืดมา ผมรู้ว่าเสื้อยืดนี้มันไม่ย้วยเลย มีความคงทนมาก เลยเอาความโดดเด่นในเรื่องนี้มาใช้เป็นสโลแกน คือยังไงก็ไม่ย้วย และมีการลากเสียงเพิ่มเติมให้น่าสนใจเป็น ยังง๊ายย ก็ไม่ย้วย”

 

 

คุณทนงศักดิ์ เล่าเพิ่มเติมว่าพอรีแบรนด์ยืดเปล่า พบว่าขายดีกว่าเดิมจากก่อนหน้านี้ขายตัวละ 60 บาท ปรับมาเป็น 100 บาท เพราะเรารู้ว่าลูกค้าต้องการอะไร รู้จุดแข็งของเราคืออะไร พร้อมกับเปลี่ยนภาพลักษณ์ร้านที่จตุจักรใหม่

ถึงเวลาขยับขยายสาขา

แน่นอนว่าจุดประสงค์ของการทำธุรกิจย่อมอยากเห็นแบรนด์ที่ทำมากับมือเติบโต ขยับขยายสาขาออกไป หนึ่งในนั้นคือแบรนด์ยืดเปล่าที่การขายที่จตุจักรอาจจะไม่ตอบโจทย์อีกต่อไป

คุณทนงศักดิ์ เล่าถึงช่วงเวลานี้ว่า ตอนแรกที่ขายที่จตุจักรตนรู้ว่าชื่อแบรนด์เราจำง่าย สินค้ามีคุณภาพ ลูกค้าซื้อซ้ำตลอด เลยเริ่มมองว่าหากยังอยู่ที่จตุจักรมันจะเริ่มตัน เลยมองโอกาสขยายตลาดไปยูเนี่ยนมอลล์เป็นล็อคเล็ก ๆ แต่ขายดีมาก เลยทำให้รู้ว่าไม่ต้องขายแค่จตุจักร ก็ขายดีเหมือนกัน

“พอขายที่ยูเนี่ยนมอลล์ เรามีความคิดอยากจะลองเข้าห้างฯ ดู เลยไปนำเสนอโปร์ไฟล์กับเซ็นทรัล พอมาขายที่นี่ก็เจอกับความท้าทาย เพราะลูกค้าไม่รู้จักแบรนด์ เหมือนเขาไม่สนใจของราคาถูก”

 

 

จุดนี้คุณทนงศักดิ์ เลยแก้ปัญหาโดยจ้างแน็ก ชาลี มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ เลยทำใหแบรนด์เป็นที่รู้จักมากขึ้น โดยที่สาขาเซ็นทรัลลาดพร้าวเริ่มจ้างเพจไปโปรโมทแบรนด์ เลยทำให้สินค้าขายได้

ความสำเร็จของแบรนด์ยืดเปล่า

คุณทนงศักดิ์ เล่าถึงการเริ่มขายเสื้อแบรนด์ยืดเปล่า ว่าตนเริ่มขายเดือนธันวาคม 2561 ขายได้ประมาณเดือนละ 100,000 กว่าบาท หากเอาเดือนธันวาคมปีที่แล้วขายได้ 10 ล้านบาท หากถามว่าทำได้ยังไงต้องตอบเลยว่า สินค้าต้องดี มีการนำเสนอที่แตกต่าง รวมถึงใส่ใจให้บริการกับลูกค้า

“พอเรามีสาขานี้ เราขยายไปอีกสาขาหนึ่ง สิ่งที่เราทำมาลูกค้าเขาก็รอ กลายเป็นว่าเราไปขยายสาขา 2 ก็ขายดีขึ้น เพราะลูกค้าก็มั่นใจแล้ว บางคนเคยซื้อทางออนไลน์มา คุณภาพดี เราบริการลูกค้าเต็มที่ มีปัญหาเรารับเปลี่ยนหมดทุกอย่าง”

ทำไมยืดเปล่าถึงขายได้ตัวละ 100 บาท

คุณทนงศักดิ์ ตอบคำถามเรื่องนี้ โดยแบ่งประเด็นเป็น 1.การบริหารจัดการต้นทุน เราสั่งจากโรงงานผ้าผลิตเอง ทำให้ประหยัดต้นทุนได้ดี 2.กลยุทธ์การทำการตลาด ยืดเปล่าเน้นขายในปริมาณมาก ต่อให้ค่าเช่าที่ห้างแพง แต่ลูกค้าเข้ามาซื้อเยอะ และมีการซื้อช้ำ มันก็ทำให้เราอยู่ได้

 

 

มองคู่แข่งในตลาดอย่างไร

การทำธุรกิจย่อมมีคู่แข่งเป็นธรรมดา คุณทนงศักดิ์ เผยว่าถ้าเป็นขายตามห้างยังมีคู่แข่งไม่ค่อยเยอะ แต่ถ้าเป็นออนไลน์จะเยอะมาก พอเห็นเราขายดี ทำคอนเทนต์ดีเกิดการก็อปปี้ขึ้น เอาผ้าไปหาโรงงานผลิตเอง

“จริง ๆ ผมมองว่ามันก็ดีนะ มีคู่แข่งเยอะ ๆ แล้วมีคนเลียนแบบ มันทำให้เราต้องพัฒนาอยู่ตลอดเวลา

แนวคิดการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ

คุณทนงศักดิ์ ทิ้งท้ายตอบคำถามนี้ว่า เวลาเราเจอวิกฤต หรืออะไรก็ตาม ถ้าเราสู้ ไม่ยอมแพ้ก็จะพบกับหนทางแก้ไขปัญหา อย่างตนเจอวิกฤตน้ำท่วมในปี 2564 ผลิตสินค้ามาแล้วเจ๊ง เราก็ต้องหาหนทาง ลุยไปเรื่อย ๆ สักวันหนึ่งเรารู้ว่ามันทำได้ เราก็ลุยต่อ เหมือนกับล่าสุดที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แบรนด์ต้องเปลี่ยนกลยุทธ์จากการทำสาขา มาทำออนไลน์เยอะขึ้น ซึ่งทำให้ยอดขายเติบโตขึ้นมาก จากเมื่อก่อนแบรนด์ทำออนไลน์แค่ 20% ของยอดขาย

“ถ้าโควิดไม่บังคับเรา มันไม่ทำให้เราไปออนไลน์จริงจังขนาดนั้น จนปัจจุบันยอดขายออนไลน์ 6 ช่องทาง ก็ประมาณ 50% แล้ว ซึ่งมันทำให้เราเรียนรู้จากวิกฤต แล้วเติบโตขึ้นไปเรื่อย ๆ”

 

 

ทั้งนี้ เสื้อยืดแบรนด์ “ยืดเปล่า” ไม่เพียงแต่ขายเสื้อยืดอีกต่อไป แต่ยังมีการต่อยอดสู่สินค้าอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น กางเกง, ถุงเท้า, Underwear ซึ่งยังไม่หยุดแค่นี้แน่นอน