หากเดินเข้าไปร้านสะดวกซื้ออย่าง 7-Eleven เราจะพบแบรนด์ที่นำสินค้าทางการเกษตรอย่างข้าวโพดมาทำเป็นผลิตภัณฑ์วางจำหน่าย นั่นคือแบรนด์วีฟาร์ม ซึ่งเป็นที่รู้จักของผู้บริโภคสายรักสุขภาพเป็นอย่างดี
ด้วยความตั้งใจที่ผ่านการศึกษาวิจัยเป็นอย่างดีทำให้ผลิตภัณฑ์ข้าวโพดแบรนด์วีฟาร์มกลายเป็นที่นิยมของผู้บริโภค และสร้างมูลค่าให้กับสินค้าเกษตรกรรมไทยให้มีคุณภาพ บทความนี้ Smartsme จะพามาดูเรื่องราวที่มาที่ไป พร้อมสูตรความสำเร็จของธุรกิจนี้กัน
ทำไมต้องเป็นข้าวโพด
คุณอภิรักษ์ โกษะโยธิน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท วี ฟู้ดส์ (ประเทศไทย) จำกัด เล่าถึงที่มาที่ไปว่า บริษัทก่อตั้งมาแล้วเป็นระยะเวลา 7 ปี ผลิตภัณฑ์ชุดแรกมี 2 ตัว คือ ข้าวโพดหวานพร้อมทานแบบเป็นฝัก กับข้าวโพดคลุกเนย ซึ่งตอนนั้นเรายังใช้ชื่อว่าข้าวโพดวีคอร์น อย่างไรก็ตาม ตลอด 7 ปีที่ผ่านมา แบรนด์มีการออกสินค้าใหม่ทุกปี ไม่ว่าจะเป็น สินค้าผัก ผลไม้ จึงทำการรีแบรนด์ให้เหลือเพียงแบรนด์เดียวจนมาเป็นวีฟาร์มในที่สุด
เหตุผลที่เลือกข้าวโพดมาทำเป็นสินค้า คุณอภิรักษ์ เล่าย้อนให้ฟังว่า กระแสการใส่ใจคุณภาพได้เริ่มเข้ามาในประเทศไทยบ้างแล้ว จึงมีแนวคิดที่จะทำธุรกิจเกี่ยวกับสินค้าอาหาร ต่อมาเลยไปทำวิจัยศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคตามจังหวัดใหญ่ ซึ่งพบว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคส่วนใหญ่มีความใกล้เคียงกัน คือ ช่วงเวลาเร่งรีบต้องการอะไรที่สะดวก ใช้เวลาน้อย ตอบโจทย์คนรักสุขภาพ
“ข้าวโพดมีผลงานวิจัยออกมาระบุว่าข้าวโพดต้มสุกมีสารอาหารที่ดี ต้านอนุมูลอิสระ มีวิตามิน มีเบต้าแคโรทีน พูดง่าย ๆ มีประโยชน์เยอะ แต่ที่ยิ่งไปมากกว่านั้น คือคนไทยรู้จักข้าวโพดดีอยู่แล้ว และมีความคุ้นเคยกับการกินข้าวโพด”
กลยุทธ์การทำธุรกิจให้ไปเร็ว คือหาพาร์ทเนอร์
ช่วงแรกของการทำธุรกิจเรียกได้ว่าต้องเริ่มนับหนึ่งเลยก็ว่าได้ เลยมองว่าวิธีการทำธุรกิจที่ทำให้เดินหน้าไปอย่างรวดเร็ว คือ การหา Strategic Partner หรือพันธมิตรทางธุรกิจ แทนที่จะไปจัดหาทำทุกอย่างเอง โดยคุณอภิรักษ์ แบ่งการพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจออกเป็น 2 ส่วน
1.หาพาร์ทเนอร์โรงงาน: ร่วมมือกับรุ่นพี่จบด้าน food science ที่มีโรงงาน มีระบบ Co Packer ช่วยผลิตสินค้า
2.หาพาร์ทเนอร์ที่ทำให้เข้าตลาดได้เร็ว: ไปคุยกับเครือซีพี ออลล์ ซึ่งสาขาครอบคลุมทั่วประเทศไทย
คัดสายพันธุ์ข้าวโพดด้วยงานวิจัย
แน่นอนว่าการทำธุรกิจอาหาร-เครื่องดื่ม ผู้ประกอบการย่อมต้องมีความพิถีพิถันในการคัดสรรวัตถุดิบออกมาให้มีคุณภาพที่สุด เช่นเดียวกับวีฟู้ดส์ที่มีการคัดสายพันธุ์ข้าว โดยใช้งานวิจัยจนมาได้สายพันธุ์ Golden Sweet Corn ซึ่งมีคุณสมบัติหวาน กรอบ อร่อย และยังเป็นการส่งเสริมเกษตรกรให้มาปลูกข้าวโพดสายพันธุ์นี้ เพื่อให้ได้คุณภาพ สด ใหม่ ตามที่บริษัทต้องการ ปัจจุบันมีปลูกอยู่ในจังหวัดกาญจนบุรี และจังหวัดในภาคเหนือตอนล่าง
จุดเปลี่ยนช่วงโควิด-19
การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อหลายธุรกิจ ไม่เว้นแม้วีฟู้ดส์ที่ต้องเผชิญกับปัญหาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งในเรื่องของช่องทางการจำหน่ายสินค้าที่ส่วนใหญ่จะอยู่ในร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ซึ่งช่วงนั้นมีมาตรการเคอร์ฟิว ร้านค้าไม่สามารถเปิดได้ตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติหายไปจำนวนมาก เหล่านี้ส่งผลกระทบต่อยอดขายที่ตกลง 30-40% (ในช่วงเดือน เม.ย.63) โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยว
อย่างไรก็ตาม วิกฤตที่เกิดขึ้นได้กลายเป็นโอกาสของบริษัทเช่นกัน เมื่อเกิดกระแส New Normal ผู้คนหันมาให้ความสำคัญกับการเลือกซื้อสินค้าที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากขึ้น อยากมีภูมิคุ้มกันที่ดี รวมถึงในเรื่องของการขาย ที่ผ่านมาบริษัทพยายามขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มาหลายปี แต่ปรากฏว่าขายสินค้าไม่ค่อยได้
“พอเกิดวิกฤตโควิด-19 กลายเป็นภาคบังคับให้มาทำออนไลน์ โดยการเปิด LINE OA ชื่อ @vfarm ให้บริการแบบเดลิเวอรีส่งตามบ้าน จนกลายเป็น Business Model ใหม่ที่เกิดขึ้นเพราะโควิด-19”
คุณอภิรักษ์ แนะนำว่าผู้ที่ทำธุรกิจ SME เมื่อเจอกับช่วงวิกฤตว่า SME ควรจะต้องปรับตัวให้เข้ากับวิถีชีวิตของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป กรณีอย่างวีฟู้ดส์ที่เมื่อ 7 ปีแล้ว เทรนด์การใส่ใจคุณภาพกำลังมา แม้จะยังเป็นส่วนน้อย แต่ก็มองว่าเป็นประโยชน์ในระยะยาว โดยผู้คนมีอายุยืนขึ้น กลุ่มคนในเมืองมีวิถีชีวิตต้องการความสะดวกสบาย และก็ดีกับตัวเอง
“SME ต้องปรับตัวให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ วิถีชีวิตคนที่เปลี่ยนไป นอกจากกระแสรักสุขภาพแล้ว อีกเรื่องหนึ่ง คือการเข้าสู่ยุคดิจิทัล ผู้คนใช้สมาร์ทโฟน สามารถสื่อสารได้อย่างรวดเร็ว เปรียบเทียบกับสมัยก่อนกว่าจะขายสินค้าต้องใช้ทุนเยอะ ต้องจ้างเอเจนซี่โฆษณา สมัยนี้แค่ใช้สื่อออนไลน์ คนก็สามารถขายของได้แล้ว”
สินค้าที่ต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
คุณอภิรักษ์ ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ยิ่งธุรกิจที่เป็น SME หากนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้าปรับใช้ ส่งเสริมเรื่องการวิจัยพัฒนา เหล่านี้จะช่วยให้ SME สามารถปรับตัวให้เข้ากับกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ได้ โดยสมัยนี้สินค้าต้องมีแบรนด์ เพื่อให้ผู้บริโภคจำได้ แบรนด์ไม่ใช่แค่ชื่อยี่ห้อ แต่ต้องสร้างความเชื่อมั่นในแบรนด์ว่าเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ
เช่นเดียวกับเรื่องนวัตกรรมที่สมัยก่อน SME มองเรื่องนี้ว่าต้องเป็นเรื่องของบริษัทใหญ่ ใช้ทุนเยอะ เพราะต้องไปจ้างนักวิจัย แต่สมัยนี้สามารถไปทำงานร่วมกับสถาบันการศึกษา หรือหน่วยงานของรัฐบาลที่ให้การสนับสนุนทุนวิจัย ซึ่งแบรนด์ของเราก็ได้รับทุนวิจัยมาทำโปรเจคต์จนเกิดไอเดียมาทำสินค้าใหม่ ๆ
“เราเป็นบริษัทแบบ IDE คือองค์กรที่เน้นนวัตกรรมมาเป็นตัวขับเคลื่อนธุรกิจ ซึ่งทำให้เห็นว่าช่วง 2-3 ปี หลัง วีฟู้ดส์มีสินค้าออกมาเยอะมาก ปัจจุบันแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ 1.ข้าวโพด 2.เครื่องดื่มน้ำนมข้าวโพด 3.อาหารเพื่อสุขภาพ Plant based food”
กระแส Plant based food ที่ไม่ควรมองข้าม
คุณอภิรักษ์ มองว่ากระแส Plant based กำลังได้รับความนิยมในต่างประเทศเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น อเมริกา, ยุโรป แต่คนไทยจะรู้จักในลักษณะของกินเจ พอกระแสเริ่มเข้ามาทำให้คนรักสุขภาพมากขึ้น แทนที่วีฟู้ดส์จะเป็นบริษัทขายข้าวโพดเพียงอย่างเดียวเปลี่ยนมาลงทุนในบริษัททำโปรตีนจากพืช ภายใต้แบรนด์ MORE MEAT
“เชื่อว่านี่จะเป็นธุรกิจที่มีการเติบโตเป็นอย่างมาก ด้วยเทคโนโลยีที่เรียกว่า Food Tech ที่เปลี่ยนไป ขณะที่เราปรับเปลี่ยนธุรกิจมาทำอาหารพร้อมรับประทานจากพืชก็จะมีทางเลือก และได้รับความนิยมจากผู้บริโภคมากขึ้น”
เคล็ดลับการบริหารงานของวีฟู้ดส์
หนึ่งในปัจจัยความสำเร็จของธุรกิจ คือเรื่องการบริหารงานภายในองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณอภิรักษ์ เผยเคล็ดลับในเรื่องนี้ว่า นอกเหนือจากผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ตรงเป้าหมาย และการปรับเปลี่ยนธุรกิจให้เข้ากับยุคสมัย เรื่องบริหารคนภายในองค์กรถือว่าเป็นหัวใจสำคัญ หากเราได้ทีมงานที่มีเป้าหมายร่วมกัน มีความทุ่มเท องค์กรก็จะเดินหน้าไปได้
“ในสมัยใหม่เราต้องสร้างคนให้มีความเป็นเถ้าแก่ เป็นผู้ประกอบการ โดยไม่ต้องมองว่าเป็นเจ้าของธุรกิจ แต่มองว่าความสำเร็จของบริษัท คือความสำเร็จของเรา รวมถึงการส่งเสริมในเรื่องของนวัตกรรม ทำวิจัย เพื่อให้เกิดไอเดียใหม่ ๆ โดยไปทำงานร่วมกับสถาบันที่เกี่ยวข้อง
อาจจะกล่าวได้ว่า การทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จในยุคนี้ต้องมีปัจจัยการดำเนินงานที่ไปในทิศทางเดียวกันทั้งในเรื่องของสินค้าที่ต้องพัฒนาอยู่ตลอดเวลา โดยใช้เทคโนโลยี นวัตกรรมให้เกิดประโยชน์ ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เช่นเดียวกับในส่วนของบุคลากรที่ต้องมีความทุ่มเทภายในทีม มีเป้าหมายที่วางไว้ และต้องไปให้ถึง เหล่านี้เมื่อผสมรวมกันการประสบความสำเร็จก็ไม่ใช่เรื่องไกลเกินเอื้อม