จากจุดเริ่มต้นจากการชอบกินหมูกระทะ สู่เจ้าของธุรกิจ Know Name Café หมูกระทะ หมูกระทะห้องแอร์ ตกแต่งสไตล์อเมริกัน ยอดขาย 7 หลักต่อเดือน
จากวันนั้นจนมาถึงวันนี้ คุณพิฐชญาณ์ โชติธนาศิลป์ เจ้าของธุรกิจ Know Name Café หมูกระทะ กว่าจะมาถึงจุดนี้ต้องผ่านอะไรมาบ้าง เรามาอ่านเรื่องราวที่น่าสนใจนี้กัน
ทำไมต้องเป็นคาเฟ่หมูกระทะ
คุณพิฐชญาณ์ โชติธนาศิลป์ เจ้าของธุรกิจ Know Name Café หมูกระทะ เล่าว่าเกิดจากความชอบส่วนตัว เป็นคนชอบกินหมูกระทะมาก ๆ แล้วยังไม่มีร้านที่ตอบโจทย์เราได้ ผู้หญิงกับคาเฟ่เป็นของคู่กัน เดี๋ยวนี้กระแสคาเฟ่มาแรง เราก็เลยคิดว่าคาเฟ่ทำไมต้องกินแค่น้ำ ทำไมต้องกินแค่เค้กก้อนหนึ่ง กาแฟแก้วหนึ่ง อะไรที่เราชอบเราก็เอามาใส่ในนี้ เป็นคนทำร้านอาหารก็เลยมีผลกระทบจากโควิดเลยปิดร้านเก่า
“เราก็เลยคิดว่าเราจะทำอะไรก็เลยเริ่มจากสิ่งที่เราชอบ อาหารที่เราชอบก็เลยเป็นหมูกระทะ หมูกระทะธรรมดาก็ไม่ใช่พี่ ก็เลยหาหมูกระทะที่เป็นจุดขาย” คุณพิฐชญาณ์ กล่าว
ทำไมถึงตกแต่งร้านสไตล์นี้
คุณพิฐชญาณ์ เล่าต่อว่าเอาจริง ๆ ในไทยยังไม่มีแบบนี้เลย เราก็ไปหาสิ่งที่เราชอบ อะไรก็แล้วแต่ฟิวชั่นหลาย ๆ อย่างทั้งเกาหลี ทั้งอเมริการวมกันอยู่ที่นี่หมดเลย จะเอาหมูกระทะก็ทำ อยากนั่งสบายด้วย ต้องมีท่อดูดควันออกไปจะได้ไม่หัวเหม็น กินหมูกระทะต้องแฮปปี้ พาลูกมาลูกมีความสุข พาพ่อแม่มาพ่อแม่ไม่บ่น เราเลยทำแบบนี้
อะไรคือจุดเด่นของ Know Name Café หมูกระทะ
คุณพิฐชญาณ์ เล่าว่า Know Name Café หมูกระทะ ไม่เหมือนที่ไหน ไม่เหมือนใคร เรากล้าการันตี ไม่เหมือนแม้กระทั่งเวลาเปิดปิดร้าน ที่นี่เปิดตั้งแต่ 11.00 น. ใครจะคิดว่า 11.00 น.ได้ ถ้าคุณจะคุมน้ำหนัก ทำ IF คุณสามารถมากินหมูกระทะร้านเราได้ ผู้หญิงสายสวย ผู้หญิงสายเฮลตี้ สายดูแลตัวเอง 11.00 น.คุณมาทานได้เลย ร้านเราเปิดแล้ว
มีเคล็ดลับความสำเร็จอะไรบ้าง
คุณพิฐชญาณ์ เล่าต่อว่าปัจจัยในการทำธุรกิจคือจริงใจกับลูกค้า อาหารที่ทำทุกอย่าง เราทานได้ลูกค้าทานได้ นั่งทานต้องมีความสุข มันคุ้มมากกับการที่เราจริงใจไปสิ่งที่เราได้กลับมามันมากกว่านั้น มันคือลูกค้าประจำ
ร้านเปิดมานานแค่ไหน ยอดขายพีคสุดอยู่ที่เท่าไหร่
คุณพิฐชญาณ์ เผยว่าร้านเปิดมาได้ 5 เดือนผลตอบรับค่อนข้างดีเกินคาดดีจนเรารู้สึกว่า สิ่งที่เราคิดมีคนตามหาอยู่จริง ๆ ก็ดีใจที่กระแสตอบรับดี ยอดขายแต่ละเดือนบวก 7 หลัก
ทำไมถึงเลือกโลเคชันในปั๊มน้ำมัน ?
คุณพิฐชญาณ์ อธิบายว่ามันสะดวกสบาย ถ้าจะเข้าเมืองสู้ค่าที่ไม่ไหว แต่เรามั่นใจอย่างหนึ่งที่ทำตรงนี้คือถ้าของดี อยู่ที่ไหนก็ขายได้ อยู่ตามลืบตามซอกถ้าเขารู้ว่ามันเป็นของดีเขาก็มา เพราะฉะนั้นเราเลยไม่ได้เน้นว่าต้องอยู่กลางเมืองสักเท่าไหร่ เพราะว่าโซเชียลเดี๋ยวนี้ถึงหมด
ทำไมถึงกล้าที่จะลงทุนอีก ทั้งที่เคยพังมาก่อน
คุณพิฐชญาณ์ เล่าต่อก่อนจะทิ้งท้ายว่า เรากล้าที่จะลงทุนในสิ่งที่คนอื่นยังไม่กล้า ถ้าเรารอให้ทุกอย่างกลับมา รอให้โควิดหาย ตลาดมันค่อนข้างที่จะสู้กันเยอะ มันช้าเกินไปสำหรับตัวเรา รอบนี้ลงทุนไป 10 ล้านบาท คือเป้าหมายเราชัดเจนว่าเราทำเพื่ออะไร เราไม่ได้ทำเพื่อนตอบสนองตัวเราอย่างเดียว เราทำเพื่อวันข้างหน้า เราทำเพื่อสร้างแบรนด์ มีคำถามหนึ่งถามว่าช่วงนี้คุณเก็บเงิน 10 ล้านบาทไว้ไม่ดีกว่าหรอ เก็บไว้แล้วยังไง เก็บแล้วมันก็มีแค่ 10 ล้านบาทเหมือนเดิมใช้ไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวมันก็หมด สู้เรามาลงทุน เก็บเกี่ยว เรามีรายได้ทุกเดือนเดี๋ยวมันเยอะ
“จากสิบก็เป็นร้อยจากร้อยก็เป็นพัน แต่ถ้าคุณไม่กล้าที่จะลงทุน คุณก็จะไม่โตเลยนะ” คุณพิฐชญาณ์ กล่าว
คุณพิฐชญาณ์ ได้ทิ้งท้ายไว้ว่า ถามว่ากลัวไหม ทุกคนกลัวหมด การเริ่มต้นใหม่สำหรับทุกคนมันยากมาก ๆ แต่เราจะทำยังไงให้ความกลัวของเรามันหายไป ความกลัวของเราคืออะไรเราต้องตีโจทย์ให้แตก แล้วเราก็มาแก้
“กลัวคนไม่รู้จัก ก็ทำให้รู้จักสิ กลัวอาหารไม่อร่อย ก็ทำให้อร่อยสิ กลัวคนไม่อิน ก็นี่ไง สุดท้ายก็คืออิน”
