หมูกระทะ 10 บาท มีจริงไม่จกตา แถมวัตถุดิบคุณภาพดีเกินราคา ขายดีพีคสุดวันละ 7,000 ถ้วย หรือวันละ 70,000 บาท แต่กว่าจะมีวันนี้ได้ ครอบครัว “รัตนพิทักษ์” ต้องผ่านอะไรมาบ้าง เรามาอ่านเรื่องราวที่น่าสนใจนี้กัน
ไอเดียธุรกิจนี้เริ่มจากอะไร
คุณเฉลิมพล รัตนพิทักษ์ เล่าว่า จริง ๆ แล้วด้วยความที่เราอยู่ใกล้โรงเรียน เราก็อยากให้เด็กนักเรียน เด็กประถม มีเงินกันแค่ยี่สิบสามสิบบาท แล้วพ่อแม่ให้เงินมาโรงเรียน ตอนเย็นเหลือคนละยี่สิบสามสิบก็มารวมเงินกันมามีความสุขก่อนกลับบ้าน เป้าหมายตอนแรกเป็นเด็ก แต่ว่าตอนนี้มาทุกวัยเลย
ผลตอบรับเป็นอย่างไรบ้าง
น้องพลอยชมพู รัตนพิทักษ์ เล่าต่อว่า ผลตอบรับช่วงแรกแรกคนยังไม่ค่อยรู้จัก คนยังไม่เชื่อว่าหมูกระทะสิบบาทมีจริงหรือเปล่า วัตถุดิบที่ใช้มันดีไหม แต่หลังจากที่เขาได้มาลองกันแล้ว ก็มีการพูดปากต่อปาก แล้วก็ได้รู้ว่าคุณภาพดีมันมีจริง ๆ ในราคาแค่สิบบาท “วัตถุดิบ เป็นวัตถุดิบของของบริษัทเราทั้งหมดเลย คือปกติเราขายวัตถุดิบหมูกระทะอยู่แล้ว แต่ธุรกิจนี้น้องก็มาต่อยอด” คุณเฉลิมพลกล่าว
ยอดขายแต่ละวันเป็นยังไงบ้าง?
คุณเฉลิมพล รัตนพิทักษ์ เผยว่า ยอดขายสูงสุดก็อยู่ประมาณเจ็ดหมื่นกว่าบาท ก็ถ้าคิดเป็นถ้วยก็ประมาณเจ็ดพันถ้วย วันหยุดขายวันละห้าร้อยโล ถ้าวันธรรมดาก็อยู่ประมาณสองถึงสามร้อยโล เคยมีลูกค้าทานเยอะสุดเลยก็คือผู้ชายสองคนกินไปแปดสิบห้าถ้วย
จุดเริ่มต้นในการทำธุรกิจนี้ แล้วเปิดมานานแค่ไหน
คุณรำพึง คูรเฉลิมพล น้องพลอยชมพู ทั้ง 3 อธิบายว่า เปิดมาประมาณสามเดือน คืนทุนแล้ว ร้านนี้ทั้งอุปกรณ์ทั้งอะไรก็อยู่ประมาณสักสี่แสนถึงหกแสนบาท ตอนแรกก็ทำเป็นหมูกระทะชั่งกิโลก่อน ผลตอบรับดีมาก แล้วลูกค้าก็เรียกร้องอยากนั่งทานที่ร้าน เราก็เลยมีโต๊ะให้เขานั่งทานกัน แต่ตอนนั้นเราใช้เป็นเตาไฟฟ้าก็ขายดี หนึ่งวันยอดขายประมาณเจ็ดหมื่นบาท ณ ตอนนั้น เขาก็ห้ามนั่งกิน มันก็เลยเงียบไปเลย ก็นั่งคิดอยู่ว่าเรามีพื้นที่มีอะไรอยู่แล้วเราจะทํายังไงคนถึงจะกลับมานั่งอีก ก็เปิดข้าวแกงสิบบาทด้วย ตอนเช้า ตอนนั้นก็ พอขายได้อยู่ แต่ว่ามันไม่น่าพอใจเท่าไหร่ ลูกสาวก็เลยช่วยคิดว่า ถ้าอย่างงั้นเราเอาอุปกรณ์ที่เรามีมาใส่ในหมูกระทะสิบบาทลองดูไหม ก็เลยแบบ ลองดู เพราะว่าเราแทบจะไม่ต้องหาอะไรมามาเพิ่มเลย คือใช้ของเดิมทั้งหมดเลย เพียงแต่ว่าเราเอาสินค้าของเราที่เราถนัด ที่เรามีจริง ๆ เอามาใส่
น้องพลอยชมพูเริ่มสนใจที่จะทำธุรกิจตั้งแต่เมื่อไหร่
น้องพลอยชมพู รัตนพิทักษ์ เล่าว่า เริ่มทำตอนอายุสิบสามปี คือตอนนั้นเป็นช่วงโควิด แล้วบ้านที่บ้านทําเกี่ยวกับอาหารอยู่แล้ว คือเรามีวัตถุดิบในมืออยู่แล้ว เราก็เลยโพสต์ตามเพจเฟซบุ๊ก แล้วก็ไล่ส่งตามบ้าน หลังจากที่หนูไล่ส่งตามพวกเพจ ก็พอมีเงินเก็บอยู่บ้าง ลองเอามาต่อยอดดู ก็คิดว่าอายุแค่นี้เองถ้าสมมุติว่าจะเจ๊งหรือว่าเงินมันหายไปกับการลงทุนที่เราทําไป อย่างน้อยเราก็ได้เริ่มต้นใหม่ได้ แบบว่าไม่ได้เจ็บตัวอะไรมาก
“ตอนเด็ก พวกผมจะให้เงินทุนไว้ทั้งสองคนเลย พอใครเจ็ดขวบปุ๊บก็ได้ห้าแสนบาท ให้แค่นี้ แล้วก็ไม่ไม่ได้ให้เพิ่มอีกเลย” คุณเฉลิมพล กล่าว
“จากห้าแสนต่อยอดเป็นเงินในบัญชีตอนนี้อยู่ที่สามล้านบาทค่ะ” น้องพลอยชมพูกล่าว
คุณพ่อคุณแม่สนับสนุนอย่างไรกับการทำธุรกิจ
คุณรำพึง คูรเฉลิมพล เล่าต่อว่า ปกติตัวพวกเราเองก็ชอบทํางานอยู่แล้ว เพราะเขาก็อยู่กับเราตลอดก็ซึมซับทั้งหลายอย่าง ทั้งวิธีการทําธุรกิจ ทั้ง mindset เหมือนให้เขาได้ลอง เราก็สนับสนุนเขาไป เพราะว่าตัวเราเองก็ใช่ว่าจะไม่เคยล้มเหลวมา ไม่ปิดกั้นโอกาสมากกว่า ให้เขาได้ลอง ให้เขาได้เรียนรู้ ได้หาประสบการณ์ใหม่ ๆ ด้วย
แนะนำสำหรับคนที่อยากทำร้านหมูกระทะ ต้องมีทุนเท่าไหร่?
คุณเฉลิมพล รัตนพิทักษ์ เผยว่า ถ้าทําไซส์แบบมินิหน่อยก็ควรมีเงินทุนสัก หนึ่งแสนบาท แต่ว่าถ้าเกิดว่าอยากจะได้ร้านประมาณของเรา ต้องมีประมาณสามแสนบาทขึ้นไป เพราะว่าสินค้ามันจะต้องอยู่ในตู้เย็นตลอด ต้องมีความเย็นให้เขา เพราะว่าเราใช้เวลาการขายตั้งแต่ บ่ายสามไปถึงห้าทุ่มเที่ยงคืน ระยะเวลามันจะนาน กําไรขั้นต้นจะอยู่ที่สามสิบเปอร์เซ็นต์ ถ้าเกิดกําไรบรรทัดสุดท้าย คุมคอร์สคนงาน ค่าเช่า ค่าอะไร แต่กําไรบรรทัดสุดท้ายมากน้อย อันนี้ก็อยู่ที่ความสามารถของแต่ละคน
“ถ้าเกิดใครอยากเปิดร้านหมูกระทะ จะเปิดแบบนี้ก็ได้ หรือจะเปิดเป็นหมูกระทะชั่งกิโลก็ได้
หรือจะเปิดเป็นหน้าร้านขายวัตถุดิบหมูกระทะก็ได้ ทางเราพร้อมที่จะเป็นหลังบ้านให้ด้วย” คุณเฉลิมพลกล่าวทิ้งท้าย