น้ำลำไยสดเจ้าดัง ให้เนื้อเน้นๆ ราคาแค่ 40 บาท คุ้มมาก ๆ ลูกค้ารอคิวแน่นตั้งแต่ก่อนเปิดร้าน ตั้งร้านเพียงแค่ 2 ชั่วโมงขายหมด 500 กิโลกรัม กว่าจะมาถึงวันนี้ คุณรศิกาญจน์ แก้วเกิด และคุณมนตรี ทัดเที่ยง ผ่านอะไรมาบ้าง เรามาอ่านเรื่องราวที่น่าสนใจนี้กัน
แต่ละวันใช้ลำไยกี่กิโล
คุณมนตรี ทัดเที่ยง เล่าว่า ใช้ลําไยประมาณสี่ถึงห้าร้อยกิโลขายเรื่อย ๆ สองชั่วโมงก็หมด อย่างเช่นวันนี้ใช้ลำไยสี่ถึงห้าร้อยชุด ปกติก็จะเยอะกว่านี้ วันนี้ลําไยไม่ค่อยมี
ลูกค้า 1 คน ซื้อได้มากสุดกี่ชุด
คุณมนตรี เล่าต่อว่าเราจํากัดคนละสามชุด สามชุดกับหนึ่งแก้วได้ ก็คือลูกค้ารอนาน เห็นคนข้างหน้าซื้อเยอะก็ซื้อตาม ยี่สิบ สามสิบถุง เราก็ยืนกรอกใส่ถุง ใช้เวลานานมาก มันก็เลยต้องจํากัด ตอนแรกก็คนละสิบชุด หลัง ๆ มา ก็คนละห้าชุด ตอนนี้ได้แค่คนละสามชุดแล้ว เพราะว่าลูกค้าคนที่มาทีหลังจะไม่ได้กัน
ทำไมถึงเลือกขายน้ำลำไย
คุณรศิกาญจน์ แก้วเกิด เผยว่า “น้ำ” ไปตลาดไหนใครก็กินน้ำ เราก็คิดแบบนี้ เวลาไปตลาดอื่นมันก็จะมีสมูทตี้มีอะไรเยอะ น้ำลําไยที่มันเป็นลําไยสดมันไม่ค่อยมีก็เลยคิดว่าเริ่มจะมาทํา แล้วก็เริ่มไปซื้อมานั่งแกะเองทําเองต้มเองปรับปรุงสูตรมาเรื่อย ๆ เราอยากกินอะไรเราจะทําแบบนั้นเราก็ต้องคิดถึงในมุมที่ถ้าเราเป็นคนซื้อบางทีเราจะคิดถึงในมุมที่เราเป็นคนขายอย่างเดียว ก็เหมือนเราจะทําอะไรขายสักอย่างหนึ่งเราก็ต้องคิดว่าเราชอบยังไงเราจะทําอย่างงั้นก็เหมือนกัน คือน้ำลําไยมันก็ไม่ได้มีอะไรมาก หวานมากหวานน้อยอะไรทั่วไปมันก็ยังพอขาย แต่พอเราปรับสูตรในแบบที่เราลงตัวแล้ว มันก็เริ่มขาย มันซึมซับไปเรื่อย ๆ มันใช้เวลา
“ ตอนแรก ๆ ขายประมาณสามสิบสี่สิบโลแต่พอมาที่นี่มันเป็นกระแส มันก็เยอะขึ้น แต่ว่าสิบโลเนี้ยใช้เวลาแกะสามชั่วโมงซึ่งกว่าจะได้มามันไม่ใช่ง่าย ๆ ไง แก้วหนึ่งก็ล่อไปประมาณสามถึงสี่ขีดแล้ว ลำไยกิโลกรัมหนึ่งอาจจะได้แค่สามแก้วเองมั้งที่คิดว่าน่ะ” คุณรศิกาญจน์ กล่าว
ขายดีมาเรื่อยๆ มาแรก ๆ ก็ยังขายแต่แก้วได้อย่างเดียวพอหลัง ๆ มาก็ลูกค้าจะซื้อเป็นชุดกลับบ้านมันจะคุ้ม ตอนนี้ทําเป็นถุง แต่ทํามาไม่เยอะพอลูกค้าซื้อไปหมดแล้วเราก็ต้องเริ่มมัดใหม่เพราะเราบังคับลูกค้าให้ซื้อเป็นแก้วก็ไม่ได้ลูกค้าอยากจะได้เป็นถุงเราก็ต้องยืนมัดให้ลูกค้าคนข้างหลังก็ต้องรอนิดหนึ่ง หวานน้อยซื้อความคุ้มค่าของเนื้อลําไยมันคุ้มมากเลย
“ชุดละสี่สิบบาทครับ เป็นแก้วก็สี่สิบเหมือนกันครับ ส่วนมากถ้าน้ำเราเหลือ เราก็จะแจกให้ลูกค้าทาน ถ้าอยากได้เนื้อเราก็ต้องมาเร็วนิดหนึ่ง เราก็พยายามอธิบายลูกค้าว่าถ้ามาคิวที่หนึ่งร้อย สองร้อย สามร้อยได้แน่ ถ้ามาเกินคิวที่สามร้อย ลูกค้าก็จะไม่ได้เนื้อ แต่จะมีน้ำให้ทาน น้ำก็มีแจกเป็นร้อยแก้วถ้ามันเหลือเยอะ แจกจนหมดเลยครับ” คุณมนตรี กล่าว
ทำไมถึงแจกน้ำฟรี?
คุณรศิกาญจน์ อธิบายว่า เราเอากําไรแค่หนึ่งบาท แต่เราขายของได้หนึ่งแสนชิ้นแค่นั้น แต่ถ้าเราคิดว่าเราเอากําไรร้อยหนึ่งแต่เราขายของได้แค่ร้อยชิ้น มันแตกต่างกัน มันเป็นภาพใหญ่มากกว่าทํายังไงจะให้มีลูกค้าก่อน ไม่เคยคิดเรื่องผลกําไรการที่เราจะเป็นร้านขายดีองค์ประกอบมันเยอะนะ มันไม่ใช่ขึ้นอยู่ที่ว่าคุณจะให้เยอะอย่างเดียว ให้เยอะอย่างเดียว วันหนึ่งก็มีใครให้เยอะอย่างพี่ก็ได้ถูกไหม แต่มันด้วยแบบที่เรามีกับลูกค้า ด้วยการบริการด้วยอะไรหลายอย่าง
“วันหนึ่งอาจจะมีคนมาขายแบบยี่สิบบาทก็ได้ แต่พี่ก็เชื่อว่าลูกค้าไม่ได้ตัดสินใจซื้ออะไรด้วยราคาความจริงใจสําคัญที่สุดในการขายของเนี้ย ไม่มีใครเขามาให้ฟรีกันนะ ทุกอย่างมันมีต้นทุน ถ้าพี่จะขายก็ขายได้แต่พี่ไม่ขาย พี่ก็คิดว่ากําไรก็คือนี่แหละมันก็คือลูกค้าที่เขาแบบมาหาเรา ไม่ค่อยคิดเรื่องผลกําไรเท่าไร แค่ลูกค้ามารอเราก็คือแบบเราก็ดีใจแล้ว เหมือนมีแฟนคลับ ลูกค้ากลับมาซื้อเพราะพวกเขาอยากกินน้ำลำไยก็จะนึกถึงเรา” คุณรศิกาญจน์ กล่าว
คุณรศิกาญจน์ ทิ้งท้ายไว้ว่า คนที่อยากทําธุรกิจก็คือต้องศึกษา บางคน อยากขายลําไย แต่อยู่ภาคใต้เลยพี่ก็จะบอกเขาว่าเอาที่มันเหมาะกับเรา อย่างพี่ถ้าอยู่ภาคใต้ลําไยมันหาซื้อยากต้นทุนมันก็จะสูงแล้วก็มันมีปัจจัยหลายอย่าง พี่ก็แนะนําเขาไปว่า เอาที่มันเหมาะกับเรา เราขายอะไรก็ได้ที่เราจะหาได้ในพื้นที่ของเราอาจจะเป็นน้ำอื่นก็ได้ ไม่จําเป็นต้องเป็นลําไยก็ได้ แต่ถ้าอยู่ภาคเหนือ ภาคอีสานที่หาลําไยได้ก็ทํา