กาละแมแม่เกด ขายดีวันละ 1,000 กิโล


กาละแมแม่เกด เพชรยั่งยืน เจ้าดังจากเด็กเกเร ทำเพื่อแม่ ต่อยอดธุรกิจจากที่บ้าน ทำมาพัฒนาขนมไทย ให้กับมาเป็นที่รู้จักอีกครั้ง สู่การเป็นแม่ค้าที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจ ขายดี 1,000 กิโลกรัม/วัน

ณัฐนันท์ เกตุหอม เจ้าของกาละแมแม่เกดเพชรยั่งยืน เล่าว่าตนอยู่กับกาละแมมาตั้งแต่เด็ก ๆ ตั้งแต่รุ่นปู่ รุ่นพ่อ จนมาถึงตนซึ่งเป็นรุ่นที่ 3 เรียกได้ว่ามีประสบการณ์มามากกว่า 50 ปี ตนยอมรับว่าเป็นคนเกเร เรียนไม่เก่ง ไม่รู้ว่าจะไปทำงานอะไร เพราะยังไงก็สู้คนอื่นไม่ไหว ดังนั้น เลยนำเอากาละแมที่อยู่มาตั้งแต่เด็ก ๆ นำขึ้นมาพัฒนา ทำให้กาละแมกลับมาอีกครั้งหนึ่ง ให้คนยุคใหม่ได้รู้จักกับกาละแม

จุดเปลี่ยนชีวิตของคุณณัฐนันท์ คือตอนช่วงเรียนคือทำอย่างไรก็ได้ให้เรียนให้จบ ทำให้พ่อ-แม่ไม่อายคน แต่พอเรียนจบด้วยความที่แม่เป็นมะเร็งกลายเป็นจุดพลิกผันจากเด็กเกเร ถ้าไม่ลงมือทำตอนนี้ก็ไม่มีโอกาสแล้ว กลับมาเป็นคนสู้เพื่อแม่อีกครั้ง

“เราอยากให้แม่ภูมิใจ พัฒนากาละแมที่มีอยู่ขึ้นมา แต่ในวันที่ประสบความสำเร็จแม่ไม่อยู่แล้ว” ณัฐนันท์ กล่าว

คุณณัฐนันท์ เล่าต่อว่าทุกคนล้วนมีความผิดพลาด เป็นเด็กเกเรโดนคนดูถูกมาเยอะ แต่พอมาถึงจุดนี้รู้สึกภูมิใจที่ทำได้ ไม่คิดว่าจะมาถึงขนาดนี้ ถ้าพูดกับแม่ได้ตอนนี้อยากพูดว่าทำไมแม่ไม่อยู่ในวันที่ตนสบายแล้ว ตอนนี้มีทุกอย่าง ทำได้ทุกอย่าง

มาวันนี้กาละแมแม่เกดกลายเป็นกาละแมเงินล้านด้วยสูตรกาละแมอร่อยไม่เหมือนใคร มีการเพิ่มจากเมื่อก่อนมีแค่กะทิสด ใบเตย ปัจจุบันมี 9 รสชาติ มีกะทิสด ใบเตย ทุเรียน นมสด โกโก้ เผือกหอม ชาไทย นมชมพู และชาเขียว โดยหัวใจหลักของเคล็ดลับความอร่อยของกาละแมคือน้ำตาล โดยเลือกที่จะใช้น้ำตาลแท้ 100% เป็นน้ำตาลที่มาจากชุมชน เป็นน้ำตาลที่มีคุณภาพ

ด้านการทำกาละแมไม่ได้มีความยากมากมายอะไร แค่ใส่ใจ คัดสรรค์ตัววัตถุดิบให้ได้ดี น้ำตาลคือหัวใจ และอีกอย่างหนึ่งคือกะทิสด ผ่านเครื่องคั้นจนมีความหอมจริง ๆ

“วันที่ขายดีที่สุดอยู่ประมาณ 2,000 กิโลกรัม แต่วันปกติขั้นต่ำ 1,000 กิโลกรัม รายได้หากขายไม่ดีจะอยู่ที่ 70,000-80,000 บาท/วัน แต่เคยได้มากที่สุดวันละ 1,000,000 บาท” ณัฐนันท์ กล่าว

คุณณัฐนันท์ พูดต่อไปว่าช่วง 2-3 ปี เราโด่งดั่งในโซเชียล โดยเฉพาะ TikTok, Facebook ที่เริ่มมีชื่อเสียงมากขึ้น แต่ที่บูมเลย คือกระแสดราม่าค่าเช่าที่ 1.6 ล้านบาทที่วัดไร่ขิง เพราะเราอยากได้ที่ตรงนั้น ไม่กลัวขาดทุน ยอมจ่ายแพง แถมยังได้บุญด้วย แต่ด้วยความที่เป็นข่าวออกไป ทำให้คนเดินทางมาวัดเพิ่มขึ้น กลายเป็นยอดขายเราเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ

“ค่าเช่าที่ 1.6 ล้านบาท คืนทุนตั้งแต่คืนแรก แต่ก็มีดราม่าคนไม่เชื่อว่าค่าเช่า 1.6 ล้านจริงหรือไม่ เราเลยโชว์หลักฐานว่าเป็นเรื่องจริงนะ และก็มาเจอดราม่าสินค้าไม่ตรงปก โดนด่า สุดท้ายแก้ปัญหาด้วยการซื้อกิโลมาวางหน้าพนักงาน สุดท้ายมาเจอปัญหาผิดพลาดของระบบหลังร้าน ต้องแก้ไขปัญหาให้ลูกค้ามาเปลี่ยนสินค้าใหม่” คุณณัฐนันท์ กล่าว

คุณณัฐนันท์ กล่าวทิ้งท้ายว่าขอบคุณทุกคำพูดที่เข้ามาติวันนั้น ทุกคำพูดเป็นพลังบวก ทั้งให้กำลังใจ และพร้อมที่จะย่ำอยู่ตลอดเวลา ถ้าไม่มีทุกคนก็ไม่มีเราในวันนี้