Cam Meekins

Cam Meekins แรปเปอร์ดัง วางไมค์มานวดแป้ง ปั้นแบรนด์มัฟฟินสร้างรายได้ 8 หลัก

บางทีใครจะไปคาดคิดว่า “การมิกซ์เพลง” กับ “การผสมแป้ง” จะมาบรรจบกันได้อย่าลงตัว แต่สำหรับ Cam Meekins แรปเปอร์ดัง เรื่องนี้เป็นไปได้กับการปั้นแบรนด์ Stone & Skillet มัฟฟิน จนโด่งดังสร้างรายได้ถึง 8 หลัก

 

เดิมที Cam Meekins เป็นศิลปินแนวฮิปฮอป เคยเซ็นสัญญากับค่ายเพลงดังอย่าง Atlantic Records และมีผลงานเพลงอย่าง “Better Days” ด้านธุรกิจเจ้าตัวเริ่มทำแบรนด์ Stone & Skillet ซึ่งเป็นมัฟฟินร่วมกับพี่น้องในปี 2014 ที่อพาร์ตเมนต์เล็ก ๆ

 

อย่างไรก็ตาม จุดเปลี่ยนสำคัญอยู่ที่ช่วงโควิด -19 ที่ Meekins ต้องเข้ามารับตำแหน่งซีอีโอเต็มตัว หลังจากคุณพ่อของเขาเสียชีวิต ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ต้องหันมาโฟกัสธุรกิจครอบครัวอย่างจริงจังมากขึ้น โดยเขามองเห็นโอกาสที่จะแบรนด์มัฟฟินก้าวไปสู่อีกระดับ ด้วยการใช้ทักษะด้าน ความคิดสร้างสรรค์และการตลาด จากวงการเพลง มาช่วยปั้นแบรนด์ Stone & Skillet ให้ดูทันสมัยและเข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้ดีกว่าแบรนด์เบเกอรี่ดั้งเดิม จนสามารถนำสินค้าเข้าไปวางขายในห้างใหญ่ทั่วอเมริกาได้สำเร็จ

 

“ผมและพี่น้องมีเป้าหมายที่จะขายมัฟฟินอังกฤษระดับพรีเมียมให้กับร้านอาหารที่ดีที่สุด พร้อมเมนูบรันช์วันอาทิตย์อย่างพิถีพิถัน ด้วยเงินลงทุน 1,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อซื้อเครื่องผสม และแป้ง”

 

 

กลยุทธ์การปั้นแบรนด์ Stone & Skillet ให้โด่งดัง ถือเป็นอีกหนึ่งกรณีศึกษาในการสร้างแบรนด์สินค้าที่น่าสนใจ เป็นการที่ผสมผสานระหว่าง “ความคิดสร้างสรรค์แบบศิลปิน” และ “การลงมือทำจริงแบบสตาร์ทอัพ” จนออกเป็นสินค้าพรีเมียมผ่าน 4 ประเด็นหลัก ได้แก่

 

1.Premiumization: เปลี่ยน “ของบ้านๆ” ให้เป็น “ของพรีเมียม”

 

Stone & Skillet นิยามตัวเองว่า “The Champagne of English Muffins” เพื่อวางตำแหน่งฉีกหนีภาพลักษณ์มัฟฟินราคาถูกในซูเปอร์มาร์เก็ต และชื่อก็มีที่มาที่ไปบอกเล่าถึงกรรมวิธี “อบบนหิน ย่างบนกระทะ”ซึ่งเป็นวิธีดั้งเดิมที่ให้เนื้อสัมผัสกรอบนอกนุ่มใน กลายเป็นการสร้างความแตกต่างจากแบรนด์ใหญ่ที่ใช้เครื่องจักรผลิตจำนวนมาก

 

2.The “Hustle” Strategy: ป่าล้อมเมือง

 

เริ่มแรกแบรนด์เริ่มจากการเดินสายส่งมัฟฟินให้ร้านอาหารเช้า และคาเฟ่ดังๆ ในบอสตันก่อน หลังจากนั้น เมื่อร้านดังๆ เลือกใช้ เมนูเหล่านั้นก็กลายเป็น “ป้ายโฆษณา” ชั้นดี ทำให้ลูกค้าทั่วไปที่ไปทานเริ่มถามหาว่า “ขนมปังของยี่ห้ออะไร” จนเกิดกระแสปากต่อปาก ก่อนที่จะขยับขยายเข้าไปขายใน Whole Foods

 

  1. Leveraging Personal Brand: ใช้ความเป็นศิลปินให้เป็นประโยชน์

Meekins ใช้ความเป็น “แรปเปอร์” เข้ามาเสริมความเป็น “นักธุรกิจ” ใช้เครือข่ายที่มีอยู่สร้างการรับรู้สื่อสารถึงตัวแบรนด์ ผ่านวิธีการสร้างสรรค์คอนเทนต์ เช่น การทำเพลง บอกเล่าเรื่องราวสินค้า สร้างภาพลักษณ์ที่สนุกสนาน ดูมีความทันสมัย เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ง่าย

 

เรื่องราวของ Meekins ถือเป็นตัวอย่างของผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่ทำ “Side Hustle” (อาชีพเสริม) จนกลายเป็นธุรกิจหลักระดับร้อยล้านดอลลาร์

 

ที่มา: stoneandskillet, entrepreneur

 

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ