Chick-fil-A

Chick-fil-A ร้านไก่ทอดผู้ปราบ KFC และเชนร้านอาหารหลายแบรนด์อยากเอาชนะ

Chick-fil-A แบรนด์ร้านไก่ทอดสัญชาติมะกัน ผู้เอาชนะ KFC ในสหรัฐฯ ครองความนิยมจากผู้บริโภคมานานหลายสิบปี จนเชนร้านอาหารหลายแบรนด์ต้องการจะเอาชนะให้ได้

Chick-fil-A ก่อตั้งในปี 1967 โดย Truett Cathy ซึ่งธุรกิจได้เติบโตต่อเนื่องจนกลายเป็นเชนร้านอาหารใหญ่เป็นอันดับ 3 ของสหรัฐฯ แม้ว่าจะมีสาขาน้อยกว่า Papa John’s แต่ก็ไม่ใช่อุปสรรคที่จะทำให้แบรนด์ครองส่วนแบ่งการตลาดในกลุ่มอาหารจานด่วนประเภทไก่ มียอดขายเฉลี่ยในสหรัฐฯ 8.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯต่อปี

หากเปรียบเทียบแล้ว สาขาแฟรนไชส์ของ McDonald’s เชนร้านอาหารใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ที่เปิดให้บริการอย่างน้อย 1 ปี จะมีรายได้เฉลี่ยต่อปีราว 3.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ รวมถึงการมีสาขามากกว่า แต่เมื่อรวมยอดขายแล้วกลับสู้ไม่ได้

Chick-fil-A สร้างความประหลาดใจในโลกของธุรกิจ เมื่อแบรนด์สร้างรายได้เอาชนะ KFC ในปี 2014 ด้วยยอดขาย 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ KFC ทำยอดขายไปได้ 4,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยพวกเขามีสาขาที่น้อยกว่า แต่ทำยอดขายได้อย่างน่าทึ่ง

 

 

นอกจากนี้ ผลสำรวจของ Barclays Research เผยว่าในปี 2023 ChickfilA ครองส่วนแบ่งการตลาดไก่ทอดในสหรัฐฯ อันดับ 1 คิดเป็น 45.5% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้านี้ที่มีความสัดส่วนอยู่ที่ 38.3% ตามมาด้วย Popeyes ที่ครองส่วนแบ่ง 11.9%

ปัจจัยที่ทำให้แบรนด์ไก่ทอดรายนี้เติบโตกลายเป็นคู่แข่งสำคัญ ส่วนหนึ่งมาจากอัตราการบริโภคเนื้อในสหรัฐฯ ที่ลดน้อยลง สวนทางกับไก่ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้หลายแบรนด์ร้านอาหารเริ่มตีตลาดนี้มากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น McDonald’s ที่ออกเมนูแซนด์วิชไก่ เช่นเดียวกับ Popeyes ก็ออกเมนูลักษณะคล้ายคลึงกันออกมา

 

 

Kevin Schimpf ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและข้อมูลเชิงลึกที่ Technomic กล่าวว่า ไก่เป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมในตอนนี้ และทุกคนพยายามสร้างการมีส่วนร่วม โดยคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น ไม่มีทีท่าจะชะลอตัวแต่อย่างไร เพราะเนื้อวัวมีราคาสูงมาก

เมื่อพิจารณาเพราะอะไรแบรนด์ไก่ทอดแบรนด์นี้ถึงเป็นที่นิยมของผู้บริโภคในสหรัฐฯ คงหนีไม่พ้น เรื่องของรสชาติที่เหนือกว่าคู่แข่งจนถูกปากลูกค้า รวมถึงการให้บริการที่ถูกพูดถึงจากนักวิเคราะห์ โดยพนักงานจะได้รับการฝึกอบรม เข้าใจการทำงาน หน้าที่ของตนเอง ลดความผิดพลาดเวลาสั่งซื้อ ตลอดจนความต้องการของลูกค้า ด้วยความเป็นมิตร สุภาพ ใช้เวลาเสิร์ฟอาหารที่รวดเร็ว จนได้รับการประเมินความพึงพอใจในระดับสูง เหล่านี้เป็นแนวคิดของร้านอาหารประเภทฟาสต์ฟู้ดอยู่แล้ว

แม้ว่า ChickfilA จะครองส่วนแบ่งตลาดในสหรัฐฯ มาเป็นเบอร์ต้น ๆ แต่ในระดับโลกแล้วพวกเขายังคงตามหลัง KFC ที่เป็นเจ้าตลาด ที่สายป่านธุรกิจที่แข็งแรงเป็นอย่างมาก จึงกลายเป็นความท้าทายของธุรกิจที่จะเปิดตลาดต่างแดน โดยมุ่งเป้าหมายไปในภูมิภาคยุโรป และเอเชีย ซึ่งแบรนด์ได้เข้ามาทดสอบตลาดในสิงคโปร์ในรูปแบบของ Pop-up เป็นระยะเวลา 3 วัน และคาดการณ์ในเวลาอันใกล้แบรนด์ไก่ทอดรายนี้อาจจะเข้ามาเปิดตลาดในประเทศตามแผนงานที่วางเป้าหมายเอาไว้

ที่มา: chickfila, businessinsider, cnbc

เรื่องที่เกี่ยวข้อง