HAPPY MUNCHY เจ้าของแบรนด์ “ออมุก” ปลาแผ่นเกาหลี เริ่มธุรกิจเพราะลูกกินยาก

ประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับแวดวงธุรกิจ SME กลายเป็นเรื่องถูกพูดถึงบนโลกออนไลน์ตอนนี้คงหนีไม่ “Happy Munchy” แบรนด์สินค้า “ออมุก” เกี่ยวกับกรณีสินค้าอาจถูกเลียนแบบเมื่อเข้าไปวางขายในร้านสะดวกซื้อดังจนสร้างความท้อใจให้กับคนเป็นเจ้าของแบรนด์

จุดเริ่มต้นของธุรกิจเกิดจากปัญหาใกล้ตัวบางอย่างที่ลูกเป็นคนทานอาหารยาก จึงกลายเป็นไอเดียจากความร่วมมือของคุณแม่คนดัง ไม่ว่าจะเป็น “ตุ๊ก” นิรัตน์ชญา การุณวงศ์วัฒน์ แห่งเพจ Little Monster, “นิหน่า” สุฐิตา ปัญญายงค์ นักแสดง พิธีกร ผู้ประกาศข่าว และ “แตน” ธันยวดี วะสีนนท์ นักธุรกิจหญิงผู้คร่ำหวอดในธุรกิจอาหาร ทำสินค้าสำหรับเด็กนั่นคือ “ออมุก” สไตล์เกาหลี ที่กินง่าย พร้อมด้วยคุณประโยชน์ เหมาะกับคนทุกเพศทุกวัย

คุณนิหน่าเคยให้สัมภาษณ์ว่าปัญหาเกิดจากตุ๊ก-นิรัตน์ชญา ที่พบปัญหาลูกสาวไม่ยอมทานอะไรเลย นอกจากหมูฝอย เสี่ยงต่อการขาดสารอาหาร และเมื่อพูดคุยกันทั้งสามคนก็พบว่ามีปัญหาลักษณะคล้ายคลึงกันจึงปลุกปั้นสินค้าอาหารสำหรับเด็กขึ้นมา ง่ายต่อการรับประทาน แถมยังมีสารอาหารครบถ้วน

เริ่มแรกนั้นสินค้าที่ขายคือหมูฝอยภายใต้แบรนด์ Little Munchy จุดเด่นของสินค้าอยู่ที่แนวคิดไม่ใส่ผงชูรส ไม่มีสารกันบูด อย.รับรอง โดยแบรนด์ได้เริ่มลุยกับธุรกิจอาหารเด็กในปี 2559 ซึ่งได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี จนกระทั่งปี 2563 ก็ตัดสินใจรีแบรนด์จาก Little Munchy เป็น Happy Munchy

 

 

แน่นอนว่าการรีแบรนด์ครั้งนี้เพื่อขยายฐานลูกค้าแม่ และเด็ก โดยทั้ง 3 คน มีบุคลิกความเป็นนักคิด นักพัฒนา และพร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ จึงมานั่งค้นหาไอเดียว่าสินค้าอะไรจะเหมาะกับลูกค้ากลุ่มนี้ จนมาได้บทสรุปคือ “ออมุก” สไตล์เกาหลี

นอกจาก “ออมุก” แล้ว แบรนด์ยังมีสินค้าอื่น ๆ ในเครืออีก เช่น ลูกชิ้นปลารวม, เต้าหู้ปลา, ใส่กรอกไก่รมควีน โดยสินค้ามีขายทั้งช่องทางออนไลน์อย่าง Shopee, Lazada, TikTok, Facebook, Instagram และออฟไลน์ 7-Eleven, Tops, Tops daily, gourmet market & HOME Fresh MART, VILLA MARKET

 

 

ผลประกอบการ บริษัท ลิตเติลมันช์ชี่ จำกัด

– ปี 2566 รายได้รวม 71 ล้านบาท กำไร +6.4 แสนบาท
– ปี 2565 รายได้รวม 64 ล้านบาท ขาดทุน – 8 ล้านบาท
– ปี 2564 รายได้รวม 50 ล้านบาท กำไร + 3 แสนบาท

สำหรับประเด็นที่ถูกพูดถึงเกิดขึ้นเมื่อ’นิหน่า’ สุฐิตา เรืองรองหิรัญญา ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว “NINA Sutita : นิหน่า สุฐิตา” โดยถ่ายภาพผลิตภัณฑ์ “ออมุก” คู่กับสินค้าประเภทเดียวกัน แต่เป็นแบรนด์อื่น ที่สำคัญไปกว่านั้นคือมีการลดราคาจาก 29 บาท เหลือ 22 บาท และมีการโพสต์ข้อความว่า “เสียใจมาก เราเป็นบริษัทเล็กๆ ทำสินค้าขายแต่ละตัว กว่าจะได้คิดมาเป็นปีๆ พัฒนาสินค้ากว่าจะผ่าน กว่าจะให้คนรู้จัก พอจะขายได้ ติดตลาดก็เจอแบบนี้”

 

 

ฝากอุดหนุนออมุกของ Happy Munchy ด้วยนะคะ ของเราไม่มีผงชูรส อร่อยจากเนื้อปลาแท้ๆ นะ มีสินค้าอื่น ๆ อีกเยอะเลย ฝากติดตามแบรนด์เล็ก ๆ ของนิหน่ากับเพื่อนด้วยนะคะ ฮือออออออออ เสียใจ”

เรื่องนี้ต้องมีดูกันต่อไปว่า CPALL จะออกมาพูดถึงประเด็นนี้อย่างไร โดยจากความคิดเห็นทั่วไปก็ถูกมองออกในหลายประเด็น ทั้งในเรื่องของการแข่งขันที่เป็นเรื่องธรรมดาของโลกธุรกิจที่ต้องเจอกับการทำสินค้าใกล้เคียงกัน แต่อีกมุมมองหนึ่งก็มีความคิดเห็นว่า เรื่องนี้ดูจะไม่ยุติธรรมสักเท่าไหร่ เหมือนกับทุนใหญ่มาเอาเปรียบทุนเล็ก

ที่มา: happymunchybylm, cpall, กรมพัฒนาธุรกิจการค้า

เรื่องอื่นๆที่น่าสนใจ