ในยุคปัจจุบันที่ผู้บริโภคหันมาให้ความสำคัญเกี่ยวกับความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ทำให้หลายแบรนด์หันมาใส่ใจเรื่องนี้กันมากขึ้น เช่นเดียวกับ INCI. แบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่นรักษ์โลก ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนที่ชูจุดเด่นด้วยการนำ “ไหมพรม” มาสร้างมูลค่าให้กับเครื่องแต่งกาย ลบภาพจำที่ไม่จำเป็นต้องใส่แค่ฤดูหนาวอีกต่อไป
Smartsme ได้พูดคุยกับ “เพิร์ล”ธัญภัค ธัญญศิริ ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ นักธุรกิจรุ่นใหม่ ทายาทธุรกิจ Thai Arts Knitting factory ถึงที่มาที่ไปของการทำธุรกิจนี้
คุณธัญภัค เล่าว่า หลังจากเรียนจบมาได้ไปฝึกงานที่บริษัท ด้วยความที่เป็นคนรักอิสระ จึงอยากลองทำงานหลาย ๆ ด้านมากกว่าทำงานด้านเดียว เพราะเชื่อในศักยภาพของตัวเองว่าสามารถทำแบรนด์ของตัวเองได้ ก็เลยลองมาเปิดธุรกิจ ซึ่งเป็นการต่อยอดจากธุรกิจครอบครัวที่ทำอยู่ที่เน้นตลาดส่งออกเมืองหนาวเป็นหลัก จึงสร้างแบรนด์ INCI ขึ้นมา โดยเน้นกลุ่มลูกค้าเป็นคนไทย และเด็กวัยรุ่นเป็นหลัก ซึ่งเรื่องที่แตกต่างจากธุรกิจครอบครัวคงจะเป็นเรื่องดีไซน์ การใช้สี รวมถึงกระบวนการการทอ ใช้เทคนิคใหม่ ๆให้บาง เพื่อระบายอากาศได้ เหมาะกับคนไทย
“ต้องขอบคุณคุณพ่อคุณแม่ที่ท่านเชื่อมั่นในตัวเรา ว่าจะสามารถสร้างแบรนด์ของตัวเองได้ โดยที่ไม่ไปลองทำงานหาประสบการณ์ก่อน ก็ได้ปรึกษาพ่อแม่ในเรื่องเทคนิคใหม่ ๆ หรือว่าเส้นด้าย วัสดุชนิดใหม่ ๆ ที่สามารถปรับใช้ได้กับคนไทยมากขึ้น” คุณธัญภัค กล่าว

แบรนด์ได้ชูจุดเด่นเรื่องของไหมพรม โดยคุณธัญภัค อธิบายถึงเรื่องนี้ว่า แฟชั่น “ไหมพรม” เคยนิยมมากในประเทศไทยเมื่อหลาย 10 ปีที่แล้ว และก็หายไป ในช่วงกำลังโตเป็นวัยรุ่น สมัยนั้นเรามองว่า ดีไซน์เสื้อผ้าไหมพรมของพ่อแม่ดูมีอายุหน่อย แต่พอมาถึงยุคเรา ค่อนข้างเห็นได้เลยว่า แฟชั่นเสื้อผ้าไหมพรมกลับมานิยมอีกครั้ง ช่วงนี้ค่อนข้างฮิตมาก แบรนด์ไหนไม่เคยทำ ก็เริ่มมาทำตามกันเยอะมาก โดยเฉพาะแบรนด์ต่างประเทศ มีแบรนด์เปิดใหม่ก็หันมาทำกันเยอะมาก
“เราเชื่อว่าเทรนด์ของต่างประเทศ ไม่ช้าจะมาถึงไทยแน่นอน ตอนนั้นเราก็เลยตั้งใจเปิดเป็นแบรนด์ INCI ขึ้นมาโดยเฉพาะเลย เพื่อให้มีความแตกต่างจากสินค้าในตลาดที่ราคาเดียวกัน” คุณธัญภัค เล่า
นอกจากนี้แบรนด์ยังให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม ผ่านการวาง Personal Branding ไว้อย่างชัดเจน โดยให้ความสำคัญกับ Sustainability ซึ่งแบรนด์ INCI. เป็นเสื้อผ้าที่มีความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับคนรุ่นใหม่ที่หันมาใส่ใจเรื่องนี้ เน้นคุณภาพมากกว่า Fast Fashion
ในส่วนของวัสดุคุณธัญภัค เล่าว่าสิ่งแรกที่เราให้ความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ คือการเลือกใช้วัสดุที่เป็น Cotton Organic โดยแบรนด์ INCI จะใช้เส้นด้ายชนิดเดียวกับต่างประเทศที่ได้รับการรับรอง Certificate ด้าน Sustainability อยู่แล้ว ดังนั้น สินค้าจึงเน้นที่คุณภาพของเส้นด้ายออร์แกนิก นอกจากจะเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังมีความนุ่มใส่สบาย ไม่ระคายเคืองผิว รวมถึงดีไซน์ของแบรนด์ที่เน้นแนวสีสัน ความสดใส ความน่ารัก เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์แฟชั่นยั่งยืนอย่างชัดเจน

เจ้าของแบรนด์ยังพูดถึงแนวทางต่อไปว่า หลังจากแบรนด์ครองใจกลุ่มลูกค้าเด็กวัยรุ่นได้สำเร็จ ก็มีแนวคิดขยายฐานลูกค้าให้ครอบคลุมมากขึ้น จึงดีไซน์ Collection ใหม่ให้ดูเรียบร้อย ใส่ออกงานหรือใส่ไปทำงานได้ด้วย คือ สามารถส่วมใส่ได้ทุกเพศ ทุกวัย
สำหรับช่องทางการตลาด จะสื่อสารกับลูกค้าผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียเป็นหลัก โดยเล่า Story ผ่านทาง อินสตาแกรม หรือแพลตฟอร์มต่าง ๆ แต่ก็มีออกงานแสดงสินค้าบ้าง เมื่อมีการออก Collection ใหม่ หรือช่วงปลายปี ก็มีการ Clearance ของปีนั้น เป็นต้น
สำหรับตลาดต่างประเทศ มีชาวญี่ปุ่นและไต้หวันสนใจในแบรนด์ และดีไซน์ของเรา เข้ามาดูค่อนข้างเยอะมาก ส่วนใหญ่ชื่นชอบในความสดใสของผลิตภัณฑ์เรา และมองว่าเหมาะกับประเทศเขา เลยคิดว่าอยากลองไปเปิดตลาดในโซนนั้นเหมือนกัน

อีกทั้งยังมีการนำแนวคิดเรื่อง ESG มาปรับใช้กับธุรกิจว่า นอกจากการใช้เส้นด้ายออร์แกนิกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแล้ว เรายังนำเส้นด้ายค้างสต็อก มาดีไซน์เป็นสินค้าแบบ Limited Edition ซึ่งมีจำนวนจำกัด เพราะเราใช้เส้นด้ายที่เหลืออยู่และไม่มีการสั่งซื้ออีกแล้ว มาทำให้เกิดมูลค่า และลดขยะได้ด้วย
อย่างไรก็ตาม เป็นทราบกันดีว่าเวลาทำสินค้าพวกออร์แกนิก อาจจะมีต้นทุนที่สูงกว่า เราจึงพยายามเปลี่ยนและลดต้นทุนจาก Packaging มากกว่าการลดต้นทุนด้านคุณภาพสินค้า โดยใช้กระดาษห่อหรือถุงห่อสินค้าที่เป็นวัสดุรีไซเคิล เป็นการลดต้นทุนโดยไม่กระทบต่อคุณภาพ
“เราพยายามลดตัวเลขขยะเหล่านั้นให้ถึงศูนย์ให้ได้ ส่วนใหญ่เป็นการช่วยบริษัทตัวเองไปด้วย แล้วเอามาพัฒนาแบรนด์ตัวเองไปด้วยในคราวเดียวกัน” คุณธัญภัค เล่า
สำหรับแผนในอนาคตแบรนด์แผนจะพัฒนาผลิตภัณฑ์มากขึ้น อาจจะไม่ใช่เส้นด้ายเฉพาะแบบทั่ว ๆ ไป เหมือนที่เคยนำมาสมัยก่อน ตอนนี้เส้นด้ายทุกชนิด ค่อนข้างจะเน้นมาจากฟาร์มที่ได้รับการรับรองด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ที่บ่งชี้ถึงผลิตภัณฑ์ที่เป็นออร์แกนิกหรือใส่ใจสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะทำให้ธุรกิจเราเกิดความยั่งยืน และได้รับการยอมรับจากตลาดทั่วโลกได้เป็นอย่างดี

คุณธัญภัค ทิ้งท้ายคนที่อยากจะทำธุรกิจเสื้อผ้าว่า การทำธุรกิจเสื้อผ้า เป็นเทรนด์แฟชั่นที่เปลี่ยนเร็วมาก เกิดเป็น Fast Fashion ที่จะกลายเป็นขยะเสื้อผ้ามหาศาล จึงอยากให้คำนึงถึงสิ่งนี้ ด้วยการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพดี ใช้ได้นาน ๆ สามารถหยิบมาใส่ได้บ่อย ๆ ในชีวิตประจำวัน ไม่ใช่เน้นราคาถูกใส่ถ่ายรูปครั้งเดียว แต่อยากให้นึกถึงผลกระทบในระยะยาว
ดังนั้นควรวางแผนออกแบบผลิตภัณฑ์โดยการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมตั้งแต่เริ่มต้น เพราะหากมาทำทีหลัง อาจทำให้บาลานซ์เรื่องราคาไม่ได้ ส่งผลให้แข่งขันในตลาดลำบาก จะเสียโอกาสในตลาดไป
Post Views: 578