PatSnap

Jeffrey Tiong ผู้ก่อตั้ง PatSnap เอาชนะความไม่มั่นใจ สร้างธุรกิจพันล้าน

ผู้ประกอบการหลายรายมักจะพูดว่าการสร้างธุรกิจให้ประสบความสำเร็จต้องใช้ต้นทุนทางการเงิน และอารมณ์ ควบคู่กันไป

เช่นเดียวกับ Jeffrey Tiong ชายวัย 40 ปี ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ PatSnap สตาร์ทอัพระดับยูนิคอร์น ที่มีรายได้ประจำปีเกิน 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

การเดินทางของ Tiong ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เขาเริ่มต้นทำงานทันทีหลังเรียนจบ และทำงานมาตลอดระยะเวลา 17 ปี โดย PatSnap คืองานแรก และงานเดียวของเจ้าตัว ซึ่งตลอดระยะเวลาการสร้างธุรกิจ พบว่ามีทั้งช่วงที่มืดมนไปจนถึงช่วงเวลาที่เลวร้ายมากมาย

“ผมไม่อยากเจอกับมันอีก แต่ผมรู้สึกขอบคุณสำหรับประสบการณ์นี้ พร้อมได้เรียนรู้แล้วว่าสิ่งที่ไม่สามารถฆ่าคุณได้จะทำให้คุณแข็งแกร่งขึ้น” Tiong กล่าว

PatSnap เป็นแพลตฟอร์มทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อใช้ในการสืบค้น และวิเคราะห์ข้อมูลสิทธิบัตรจากฐานข้อมูลมากกว่า 100 ประเทศทั่วโลก เป็นตัวช่วยอำนวยความสะดวกให้บริษัทต่าง ๆ ใช้ข้อมูลมาต่อยอดสู่งานวิจัยเพื่อพัฒนาต่อไป โดยมีลูกค้าเป็นแบรนด์ชื่อดัง ไม่ว่าจะเป็น Oxford University Innovation, The Dow Chemical Company

 

 

ไอเดียการทำสตาร์ทอัพเกิดขึ้นเมื่อ Tiong ย้ายไปฟิลาเดลเฟีย เพื่อศึกษาธุรกิจที่ The Wharton School ขณะเดียวกันก็ทำงานที่บริษัทสตาร์ทอัพด้านอุปกรณ์การแพทย์ในท้องถิ่น โดยทำหน้าที่จัดการงานวิจัยและพัฒนา รวมถึงตรวจสอบความเรียบร้อยของทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งเกี่ยวข้องกับการค้นหาข้อมูลสาธารณะด้านสิทธิบัตรเก่า ๆ

Tiong ตระหนักดีว่ากระบวนการเหล่านี้ใช้เวลานานมาก และ “ยุ่งยาก” ทำให้งานวิจัยกลายเป็นเรื่องที่ยุ่งยากเกินความจำเป็น ดังนั้น เขามีความต้องการอยากได้เครื่องมือที่ดีกว่านี้ จึงตัดสินใจตรวจสอบตลาดฐานข้อมูลสิทธิบัตรประเภทใหม่ให้มีความคล่องตัว พร้อมทั้งใช้งานง่ายขึ้น

ในปี 2007 Tiong กลับมาสิงคโปร์ และเริ่มทำสตาร์ทอัพ Patsnap ด้วยความช่วยเหลือจากรัฐบาลที่ให้เงินสนับสนุน 55,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ รวมถึงการสนับสนุนจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ด้วย

 

 

Tiong เล่าถึงความท้าทายเมื่อเริ่มต้นทำธุรกิจว่า ผมเคยเสนอผลงานให้คนมากมาย และลองจินตนาการว่าคนที่เพิ่งเรียนจบ ไม่มีประวัติการทำงานมากก่อน แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะระดมทุนได้ ผ่านมาจนถึงปี 2010 Tiong ระดมทุน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯได้ และทีมงานก็เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ จากเดิม 15 คน เพิ่มขึ้นเป็น 50 คน แต่ด้วยความที่ขาดประสบการณ์ในการจ้างงาน และความเป็นผู้ ทำให้ต้องเลย์ออฟพนักงาน 2 ใน 3 ของบริษัท ภายในครึ่งปี

นอกจากนี้ ยังมีช่วงเวลาหนึ่งที่ Tiong ยังเคยมีความคิดที่จะเลิกทำธุรกิจสตาร์ทอัพ พร้อมคืนเงินระดมทุนให้กับนักลงทุน เพราะไม่เชื่อมั่นว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่จะเดินไปสู่เป้าหมายได้จริง

“ผมรู้สึกไม่แน่ใจในตัวเองจริงๆ ผมคิดอยู่ว่าควรคืนเงินให้กับนักลงทุน แล้วจบเรื่องราวที่สร้างมา แต่แรงบันดาลใจทำให้ต้องก้าวต่อไป” Tiong กล่าว

Tiong เดินทางไปทั้งในยุโรป เอเชีย สหรัฐฯ เพื่อพยายามโน้มน้าวใจหานักลงทุน แต่ก็ไม่มีประโยชน์เลย แทบไม่มีใครสนใจ นี่อาจเรียกว่าเป็นจุดต่ำสุดในชีวิตส่วนตัวเลยก็ว่าได้

อย่างไรก็ตาม หลังเวลาผ่านมาหลายปี Tiong ได้พัฒนาตัวเอง เอาชนะความท้าทาย จึงทำให้มีความเป็นผู้นำในบทบาทเจ้าของธุรกิจ แม้จะเป็นคนประเภทอินโทรเวิร์ตก็ตาม แม้ก่อนหน้านี้จะพบกับช่วงเวลาที่มืดมน เลวร้ายมากมาย แต่หากมองย้อนกลับไปนี่คือแรงผลักดันที่ยิ่งใหญ่ที่อยากสร้างบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่ให้กับโลก

ปัจจุบัน ธุรกิจมีพนักงานมากกว่า 1,000 คนทั่วโลก และได้รับการสนับสนุนจากบริษัทต่าง ๆ เช่น Tencent, Sequoia China และ SoftBank Vision Fund 2 รวมถึงลูกค้าอื่น ๆ อีก ได้แก่ Disney, NASA, Tesla, Adobe

ที่มา: CNBC

เรื่องที่เกี่ยวข้อง