LYO

LYO จากแบรนด์นิชมาร์เก็ต สู่ผู้นำ Hair Care และเส้นทาง IPO ของบริษัทแม่ 88TH

หลายคนคงจะคุ้นชินกับชื่อของ LYO ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมที่ได้พิธีกรชื่อดังอย่าง “หนุ่ม” กรรชัย กำเนิดพลอย มาเป็นพาร์ทเนอร์ช่วยโปรโมตสินค้า จนวันนี้ธุรกิจเติบโต และเข้าไป IPO ในตลาดหลักทรัพย์เป็นที่เรียบร้อย

 

ย้อนที่มากว่าจะเป็นวันนี้ แบรนด์ก่อตั้งในนามบริษัท 88(ไทยแลนด์) จำกัด เมื่อ พ.ศ.2558 โดยคุณนพรัตน์ มาลัยวงค์ และกลุ่มผู้ร่วมก่อตั้ง ซึ่งเริ่มแรกบริษัทเน้นทำตลาดผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางภายใต้แบรนด์ ver.88 ต่อมาในปี พ.ศ. 2563 จึงเกิดแบรนด์ LYO ที่เป็นผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม ไม่ว่าจะเป็น แชมพูปิดผมขาว, ทรีตเมนต์ดูแลเส้นผม

 

จุดเปลี่ยนสำคัญอยู่ที่พลังการตลาดที่ทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จัก โดดเด่นในสายตาของผู้บริโภคขึ้นมา หลังได้ “หนุ่ม” กรรชัย กำเนิดพลอย พิธีกรชื่อดัง เข้ามาเป็น พันธมิตรทางธุรกิจ/หุ้นส่วน ซึ่งให้ความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์เนื่องจากเคยทดลองใช้แบรนด์นี้มาก่อน และเห็นผล ผ่านกลยุทธ์ “Celebrity Marketing” ที่ใช้ภาพลักษณ์ของความน่าเชื่อถือ กล้าพูดความจริงในลักษณะรูปแบบของการ “บอกต่อ” จากผู้ใช้จริง ไม่ใช่แค่การโฆษณา แต่อย่างใด

 

ที่มา: เว็บไซต์ไลโอ

 

เช่นเดียวกับการใช้การตลาดแบบ 360 องศา ที่ไม่ได้ใช้ช่องทางแค่สื่อหลักเพียงอย่างเดียว แต่ยังใช้ช่องทางอื่น ๆ สร้างการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย ทั้งแพลตฟอร์มออนไลน์, E-commerce (Shopee, Lazada), ร้านค้าปลีก, ตัวแทนจำหน่าย เพื่ออำนวยความสะดวกในการซื้อ นอกจากนี้ ธุรกิจยังขยายผลิตภัณฑ์ แตกไลน์ไปยังกลุ่มสินค้าใหม่ ๆ เพื่อขยายฐานลูกค้าให้ได้มากขึ้น

 

ผลประกอบการ บริษัท 88(ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน)

– ปี 2565 รายได้ 269 ล้านบาท กำไร 13 ล้านบาท

– ปี 2566 รายได้ 364 ล้านบาท กำไร 26 ล้านบาท

– ปี 2567 รายได้ 478 ล้านบาท กำไร 56 ล้านบาท

 

สำหรับ บริษัท 88(ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) มีสินค้าภายใต้แบรนด์หลัก 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.แบรนด์ LYO เป็นผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์ปัญหาเส้นผมที่หลากหลาย เช่น ชมพูลดผมขาดร่วง, ครีมนวดผมลดผมขาดร่วง, แชมพูปิดผมขาว, แชมพูสมุนไพร 2.แบรนด์ Hone เป็นผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาขึ้นเพื่อจับตลาดคนรักผิวรุ่นใหม่ และ 3.แบรนด์ ver.88 เป็นผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางหลากหลาย เช่น แป้งผสมรองพื้น, รองพื้น, บลัชเชอร์, ลิปสติก

 

ที่มา: เว็บไซต์ honethailand

 

88(ไทยแลนด์) เสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 59.50 ล้านหุ้น ระดมทุนเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนต่อยอดธุรกิจตามแผนโครงการในอนาคต 3-5 ปี หวังสร้างแบรนด์ดูแลเส้นผม หนังศีรษะ ผิว เครื่องสำอาง เสริมทัพธุรกิจจากแบรนด์ที่มีอยู่ ก้าวสู่หนึ่งในผู้นำผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงามเพื่อชีวิตที่ดีขึ้นสำหรับทุกคน

 

แน่นอนว่าตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมในประเทศไทยถือเป็นตลาดใหญ่ และมีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2023 มีมูลค่ารวม 42,294.8 ล้านบาท โดยแชมพูมีส่วนแบ่งทางการตลาดมากที่สุด อีกทั้งในปี 2028 คาดการณ์ว่ามูลค่าตลาดรวมจะอยู่ที่ 58,400 ล้านบาท ซึ่งได้รับแรงหนุนจากกระแส Clean Beauty และการใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติ รวมถึงผู้บริโภคหันมาใช้ผลิตภัณฑ์เฉพาะทางมากขึ้น

 

จุดที่น่าสนใจที่ทำให้อุตสาหกรรมนี้มีการเติบโต มาจากผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในกลุ่มสินค้าที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวัน ผู้บริโภคต้องซื้ออย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าสภาวะเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร เหล่านี้จึงส่งผลให้ธุรกิจมีความมั่นคง เติบโตอย่างต่อเนื่อง

 

เรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง