Oatside

Oatside เขย่าตลาด! ลดราคา 50% ดัน “นมโอ๊ต” จากตลาด Niche สู่ตลาด Mass

Oatside แบรนด์นมโอ๊ตชื่อดังจากสิงคโปร์ สร้างกลยุทธ์การตลาดที่น่าจับตามอง เมื่อประกาศลดราคาสินค้าลงถึง 50% ถือเป็นการปรับหมากธุรกิจครั้งสำคัญ ขยายฐานลูกค้าจากตลาดเฉพาะกลุ่มสู่ตลาดทั่วไป

ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ด้วยกระแสของเทรนด์การรักษ์สุขภาพที่โดดเด่น ผู้บริโภคมองหาสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ทำให้“นมโอ๊ต” กลายเป็นนมทางเลือก ด้วยคุณสมบัติเด่น ไม่ว่าจะเป็น ไขมันต่ำ, แคลอรี่ต่ำ, ใยอาหารสูง รวมถึงมีรสชาติที่นุ่มนวล คนที่แพ้นมวัวสามารถดื่มได้ แน่นอนว่าราคาย่อมแพงกว่านมทั่วไปตามท้องตลาด โดยมีราคา 100 บาทขึ้นไป และมีร้านกาแฟหลายแบรนด์ที่นำ “นมโอ๊ต” เข้ามาอยู่ในเมนูเครื่องดื่มของร้าน เป็นส่วนผสมเพิ่มจากเดิมที่มีอยู่ ซึ่งราคาก็จะถูกบวกเพิ่มตามไปด้วย

ขณะเดียวกัน ภาพรวมของตลาดนมโอ๊ตในประเทศไทย พบว่ามีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด อ้างอิงข้อมูลจาก NielsenIQ ที่ระบุว่า ในปี 2024 ตลาดนมทางเลือกเติบโตถึง 37% และ นมโอ๊ตมีส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 22% ในกลุ่มนี้ และมีแนวโน้มจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นโอกาสของหลายแบรนด์ที่จะตีตลาดนี้มากขึ้น

เป็นที่ทราบกันดีว่า “นมโอ๊ต” มักจะมีราคาค่อนข้างสูง เมื่อเปรียบเทียบกับนมอื่น ๆ ทั่วไป อย่างไรก็ตาม กลับมีเรื่องราวที่น่าสนใจในตลาดนี้ เมื่อ Oatside แบรนด์จากสิงคโปร์ที่กำลังเป็นกระแสในขณะนี้ ด้วยกลยุทธ์การลดราคาลงอย่างถาวรถึง 50% เพื่อดึงดูดลูกค้าให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น โดยขนาด 200 มิลลิลิตร จากราคา 25 บาท เหลือ 12 บาท และขนาด 1 ลิตร จากราคา 112 บาท เหลือ 56 บาท ซึ่งแบรนด์ยืนยันแล้วว่านี่เป็นการลดราคาแบบถาวร 50% ไม่ใช่การทำโปรโมชันอะไรทั้งนั้น

 

 

ปัจจัยสำคัญที่นำให้แบรนด์สามารถลดราคานมโอ๊ตลงได้นั้น มาจากห่วงโซ่การผลิตที่มีประสิทธิภาพ และมีกำลังผลิตมากขึ้น จากธุรกิจที่ขยายไปทั่วโลก ทำให้ช่วยลดต้นทุนได้อย่างจริงจัง เมื่อต้นทุนลดราคาก็ลดตาม โดยช่วงแรกแบรนด์วางตำแหน่งตัวเองเป็น “พรีเมียม” เจาะตลาดเฉพาะกลุ่ม เน้นขายในร้านกาแฟและคาเฟ่ชั้นนำ ซึ่งทำให้ผู้บริโภครับรู้ถึงภาพลักษณ์ที่ดี และมีคุณภาพสูง ซึ่งการปรับลดราคาลงมาถือเป็นการสร้างโอกาสที่จะเจาะตลาด Mass Market ที่กว้างขึ้น ให้ผู้บริโภคเข้าถึงง่าย และเป็นความท้าทายที่จะเปลี่ยนคนที่ดื่มนมวัวมาดื่มนมโอ๊ต

สอดคล้องกับกลยุทธ์ Price Skimming ที่ตั้งราคาให้สูงในช่วงแรกเพื่อจับกลุ่มลูกค้าพรีเมียมที่พร้อมจ่าย จากนั้นค่อยลดราคาลงเมื่อแบรนด์เริ่มเป็นที่รู้จักและมีกำลังการผลิตมากขึ้น

 

 

นอกจากนี้ ในมุมการแข่งขันกับคู่แข่งในตลาดเดียวกัน การลดราคาของ Oat.side เป็นการส่งสัญญาณชัดเจนว่าต้องการเป็นผู้นำตลาด และพร้อมที่จะเข้าสู่สงครามนมพืชอย่างเต็มตัว การตั้งราคาที่จับต้องได้จะทำให้ ได้เปรียบในการแข่งขันกับแบรนด์อื่น ๆ ที่ยังคงราคาเดิม

วิเคราะห์ได้ว่า การลดราคา “นมโอ๊ต” ของ Oatside ผ่านการคิดมาเป็นอย่างดี เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน ขยายตลาด และสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว โดยอาศัยความสามารถในการควบคุมต้นทุนการผลิตที่ลดลงอย่างมีประสิทธิภาพ

เรื่องอื่นๆที่น่าสนใจ