คุณแม่มือใหม่ต้องรู้จักอาการเหล่านี้ จะได้เตรียมตัวรับมือ
เมื่อผู้หญิงแต่ละคนเริ่มตั้งครรภ์ตั้งแต่สัปดาห์แรกจะมีการแสดงออกของอาการทางร่างกายที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ทั้งนี้อาจเป็นผลมาจากการแสดงออกของระบบการป้องกันทารกในครรภ์ให้เติบโตขึ้นได้โดยปราศจากอันตราย ซึ่งคุณแม่มือใหม่ที่ตั้งครรภ์เป็นครั้งแรก หรือคุณแม่ที่เคยตั้งครรภ์มาแล้วก็จะมีอาการในขณะตั้งท้องที่ต่างกันแต่ก็มีอาการที่คล้ายคลึงกัน Smart SME จะช่วยให้คุณผู้หญิงที่กำลังเริ่มสงสัยว่าตัวเองกำลังจะมีลูกน้อยหรือไม่ ด้วยการสังเกตอาการที่พบบ่อย 5 ข้อ พร้อมวิธีการดูแลตนเองขณะมีอาการแพ้ท้อง 1. ขาดประจำเดือนหลังจากที่มีการฝังตัวของไข่ที่ผสมแล้วภายในมดลูก ร่างกายจะมีการผลิตฮอร์โมนที่ชื่อว่า Human Chorionic Gonagotropin (hCG) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยในการเจริญเติบโตของตัวอ่อน ส่งผลให้รังไข่หยุดการตกไข่ไปชั่วคราวในระหว่างการตั้งครรภ์ทำให้ไม่มีประจำเดือน โดยระยะนี้สามารถตรวจสอบการตั้งครรภ์ได้ด้วยอุปกรณ์ตรวจระดับฮอร์โมน hCG 2. มีเลือดออกขณะตั้งครรภ์เมื่อรู้แล้วว่าเรากำลังตั้งครรภ์แต่มีเลือดออกทางช่องคลอดเป็นหยดแต่มีปริมาณไม่มากในระหว่างสัปดาห์แรกถึงสัปดาห์ที่ 4 จะเป็นผลมาจากการฝังตัวของตัวอ่อนที่กำลังจะเจริญเติบโตหรือเรียกว่า ระยะบลาสโตซิสท์ ซึ่งจะเป็นกระบวนการสร้างอวัยวะของตัวอ่อน ส่งผลให้ระยะนี้มีเลือดออกมาปริมาณน้อยและไม่มีอาการปวดท้อง เลือดที่อออกมาในระยะนี้เกิดขึ้นจากหลอดเลือดเล็กๆ ในโพรงมดลูกแตกออกเนื่องจากการฝังตัวของตัวอ่อน ทำให้เลือดที่ออกมามีลักษณะเป็นสีจางๆ ซึ่งคนโบราณมักจะเรียกว่า เลือดล้างหน้าเด็ก โดยจะมาในวันที่ใกล้เคียงกับประจำเดือนรอบถัดไปและเกิดขึ้นกับผู้หญิงที่ตั้งครรภ์บางคนเท่านั้น และจะไม่มีผลกระทบกับทารกในครรภ์ 3. มีอาการอ่อนเพลียในระหว่างตั้งครรภ์จะส่งผลให้มีอาการอ่อนเพลียและเป็นตะคริวอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นอย่างมากของฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) โดยในช่วงสัปดาห์แรกจะมีความเหนื่อยล้าร่างกายมากเป็นพิเศษ จากหลอดเลือดเกิดการหย่อนตัวทำให้ระดับความดันโลหิตต่ำลงเป็นระยะและมดลูกก็ต้องการเลือดในปริมาณที่เพิ่มมากขึ้น จึงทำให้ปริมาณน้ำตาลในเลือดลดลงส่งผลให้เกิดอาการหน้ามืดและอ่อนเพลียง่าย แม้ว่าอาการอ่อนเพลียจะเป็นเรื่องปกติสำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ แต่ก็ไม่ควรมองข้ามอาการนี้หากมีอาการอื่นร่วมด้วยเช่นวิงเวียนศีรษะ หรือหายใจไม่ทันก็อาจจะเป็นสาเหตุของโรคโลหิตจากซึ่งส่งผลต่อการตั้งครรภ์ได้นอกจากอาการอ่อนเพลียแล้วช่วงที่กำลังตั้งครรภ์คุณแม่จะมีอุณหภูมิร่างกายที่สูงขึ้นกว่าปกติเล็กน้อย ในขณะที่นอนพักผ่อนควรทำให้ห้องนอนมีอากาศที่เย็นลงเล็กน้อยและมีอากาศถ่ายเทที่สะดวก เพื่อไม่ทำให้ร่างกายอ่อนแรงและหน้ามืดตามมา 4. ความรู้สึกไวต่อกลิ่นและความชอบในการกินที่เปลี่ยนไปความรู้สึกไวต่อกลิ่นเชื่อว่าเป็นระบบการป้องกันตัวเองของคุณแม่ เมื่อได้กลิ่นที่อาจจะส่งผลต่ออันตรายต่อลูกน้อยก็จะช่วยให้หลีกเลี่ยงการเข้าไปอยู่ในสภาพแวดล้อมนั้นได้ เช่น กลิ่นบุหรี่ กลิ่นควันไฟ เป็นต้น เนื่องจากเมื่อตั้งครรภ์ระบบการได้กลิ่นของแม่จะมีความรวดเร็วและสามารถได้กลิ่นจากในระยะไกลกว่าเดิม […]


