10 เคล็ด (ไม่) ลับการทำธุรกิจที่คนประสบความสำเร็จไม่เคยบอก : ดร.พยัต วุฒิรงค์


คุณเคยสงสัยหรือไม่ครับว่า ทำไมผู้ประกอบการบางคนประสบความสำเร็จในการตั้งธุรกิจหรือดำเนินธุรกิจไม่นานก็มียอดขายเติบโตอย่างมาก ในขณะที่ผู้ประกอบการบางคนล้มลุกคลุกคลานมาตลอด ทำอย่างไรธุรกิจก็ไม่เติบโตเสียที จากการที่ผมได้พูดคุย รับฟัง แลกเปลี่ยนความรู้กับผู้ประกอบการ Startups เอสเอมอี และซีอีโอใหญ่ๆ ที่เติบโตมาจากธุรกิจครอบครัวเล็กๆ สามารถสรุปเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยปัจจัยแห่งความสำเร็จทางธุรกิจได้เป็น 10 เคล็ด(ไม่)ลับการทำธุรกิจที่คนประสบความสำเร็จไม่เคยบอกไว้ดังนี้ครับ

 

1.      ดีที่สุด ไม่ใช่นานที่สุด

คนที่ประสบความสำเร็จมากๆ เวลาที่เค้าต้องการออกสินค้าหรือบริการใหม่ๆ เค้าไม่ได้สนใจว่ามันจะดีที่สุดหรือยัง เพราะโลกเราไม่มีอะไรดีที่สุดครับ มีแต่ดีขึ้นๆ และดีขึ้นเรื่อยๆ หรือเรียกว่า What is Better?

ถ้าคุณต้องการผลิตของที่ดีที่สุด เมื่อนั้นคุณอาจต้องใช้เวลาทั้งชีวิตอุทิศเพื่อสิ่งนั้น และเมื่อเวลานั้นมาถึง พฤติกรรมของคนหรือโลกก็เปลี่ยนไปแล้ว สินค้าหรือบริการนั้นอาจจะไม่ทันสมัย หรือไม่ตอบโจทย์ลูกค้าอีกต่อไป

ดังนั้น “ดีที่สุดจึงไม่ใช่นานที่สุด แต่เป็นดีในระดับที่คุณรับได้ เมื่อคุณรับได้ นั่นแหละครับดีที่สุด ณ เวลานั้นแล้ว” หลังจากนั้นเราค่อยๆ พัฒนาให้ดีขึ้นเรื่อยๆ และทำกำไรจากการเปลี่ยนรุ่นเหมือนดังเช่นที่ Apple ได้ทำ ไม่เช่นนั้นคงไม่มี Iphone 3, 4, 4s, 5, 6 และ 6s ออกมาขายเราๆ หรอกครับ

 

2.      อยากสำเร็จ ต้องล้มให้ไว

บางคนอยากมีธุรกิจแต่ไม่อยากเสี่ยง กลัวความล้มเหลว แต่จากการพูดคุยกับผู้ประกอบการและซีอีโอที่ประสบความสำเร็จ 100 คนพบว่า ทุกคนได้ผ่านความล้มเหลวมาแล้วทั้งสิ้น บางคนล้มเหลวมาก บางคนล้มเหลวน้อย และนี่คือสาเหตุที่คนที่อยากประสบความสำเร็จ ต้องล้มให้ไว เพราะถ้าคุณไม่เริ่ม คุณจะสำเร็จได้อย่างไร ประสบการณ์การล้มจะทำให้คุณแข็งแกร่งขึ้นและไม่ผิดซ้ำอีก หรืออาจกล่าวได้ว่า ไม่มีใคร ไม่โง่และไม่เจ็บ ก่อนประสบความสำเร็จ”

 

3.      อย่าทำอะไรทุกอย่างเอง เพราะเราไม่ใช่เทพเจ้า

เพราะทุกคนมีเวลา 24 ชั่วโมงในหนึ่งวันเท่ากัน เราจึงต้องใช้เวลากับสิ่งที่เราเชี่ยวชาญที่สุด ไม่เสียเวลากับการลองผิดลองถูก บางคนบอกว่า ช่วงเริ่มต้นธุรกิจเราต้องทำทุกอย่างเอง เพื่อลดต้นทุน เพื่อเรียนรู้ และอีกหลายเพื่อ…

แต่คนที่ประสบความสำเร็จมักจะบอกว่า คุณจะทำอะไรทุกอย่างเองได้ในช่วงแรกๆ เท่านั้น หลังจากนั้นคุณต้องหาคนเก่งมาทำงานแทน ซึ่งคนเก่งที่พูดถึงนี้อาจเป็นบริษัทภายนอกที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน หรือจ้างคนเก่งๆ เข้ามาอยู่ในองค์การและทำงานแทนเรา จึงมีคำกล่าวที่ว่า “ผู้นำที่เก่งคือ ผู้นำที่สามารถหาคนที่เก่งกว่าเข้ามาทำงานแทนเราให้สำเร็จ”

 

4.      ยอมตายเพื่อเป้าหมาย ความสำเร็จจะตามมา

คำคำนี้อาจดูโหดร้ายสำหรับคนทำธุรกิจ แต่จริงๆ แล้วคนที่ประสบความสำเร็จเกือบ 100% เป็นแบบนั้น เค้าจะตั้งเป้าหมายที่ต้องการ และทำทุกวิถีทางให้ไปถึงเป้าหมายนั้น ไม่มีเส้นทางใดโรยด้วยกลีบกุหลาบ เส้นทางความสำเร็จก็เช่นกัน เราต้องแลกมาด้วยการแข่งขัน ความอดทน ความตั้งใจ ความพยายามอย่างมาก

คำว่า “มาก” ในที่นี้ผมอยากให้นึกถึงการทำรังของผึ้ง กว่าผึ้งจะทำรังได้ขนาดใหญ่ต้องใช้เวลาเก็บน้ำหวานเป็นเวลานาน เช่นเดียวกัน ผลของการทำเพื่อเป้าหมายจะสร้างธุรกิจที่ยั่งยืนชั่วลูกชั่วหลานดังเช่นตัวอย่างธุรกิจครอบครัวใหญ่ๆ ที่เป็นธุรกิจที่สำคัญของประเทศเรา

 

5.      ทำให้คุ้ม และ ทำให้ซ้ำ

เวลาที่คนประสบความสำเร็จทำธุรกิจ เค้าจะคิดธุรกิจที่มีขนาดใหญ่พอสมควรหรือ Scalable คือ ทำครั้งหนึ่งสามารถคุ้มกับค่าแรงหรือค่าขนส่งที่ลงทุนไป ตัวอย่างเช่น ธุรกิจร้านอาหารอย่างสุกี้เอ็มเค เวลาจะตั้งสาขาที่จังหวัดไหน หากในพื้นที่นั้นไม่สามารถตั้งสาขาได้ 3-5 สาขาขึ้นไป เอ็มเคจะไม่ลงทุน เพราะต้นทุนอาหารสดที่ส่งไปไม่คุ้มกับค่าขนส่งที่เสียไป

นอกจากนี้ สินค้าที่ขายต้องสามารถขายซ้ำๆ ได้หรือ Repeatable ไม่ใช่ซื้อครั้งเดียวแล้วใช้ตลอดชีวิต ต้องมีการเปลี่ยนรุ่น ซื้ออุปกรณ์เสริมเพิ่มเติม อย่างเช่นรถยนต์ที่เปลี่ยนรุ่น Major Change หรือ Minor Change เพื่อให้คนได้จ่ายเงินอีกครั้งและจ่ายเงินเรื่อยๆ ให้ธุรกิจอยู่ได้

 

6.      ไม่มีเงินไม่มีเจ๊ง แต่ที่เจ๊งคือ “คุณออกจากธุรกิจเอง”

คนที่ทำธุรกิจแล้ว “เจ๊ง” เพราะเงินหมดเป็นแค่ข้ออ้างครับ นี่คือคำพูดของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ประสบความสำเร็จกล่าวไว้ เพราะถ้าคุณยังมีความพยายาม ความอดทน ถึงจะไม่มีเงินเหลือ หรือเป็นหนี้มหาศาล ล้มละลาย คุณก็ยังจะตะเกียกตะกายไปหาเงินมาลงทุนต่อยอดธุรกิจต่อไป แต่คำว่า “เจ๊ง” จริงๆ หมายถึง คุณยอมแพ้ที่จะทำธุรกิจนี้ต่อไป ไม่ใช่เพราะคุณไม่มีเงิน!!! แต่คุณหมดรักธุรกิจนี้แล้ว

 

7.      ฆ่าตัวเอง ก่อนที่จะถูกคนอื่นฆ่า

หลายคนเข้ามาในอุตสาหกรรมที่แข่งขันกันสูง ถ้าสินค้าของคุณไม่ดีจริง อยู่ไม่ได้แน่ เพราะฉะนั้น คนที่ประสบความสำเร็จจะคิดเสมอว่า สินค้าเค้าไม่ดียังงัย ขาดตกบกพร่องตรงไหน แล้วจัดการมันซะ ก่อนที่คู่แข่งจะเห็นโอกาสโจมตีเรา ดังเช่น อุตสาหกรรมจองที่พักโรงแรม อุตสาหกรรมแท็กซี่ หรือที่ผมเรียกว่า “มันมีช่องว่างธุรกิจ” นั่นคือ ช่องว่างตรงไหนที่สินค้าคุณยังไม่ตอบโจทย์ลูกค้า และทำให้มันเกิดปัญหาขึ้น ตรงนั้นคุณต้องคิดใหม่หรือเรียกว่าฆ่าตัวเอง ก่อนที่จะถูกคนอื่นฆ่าเสมอ

 

8.       ทำแนวลึกได้ดี แนวกว้างจะตามมา

เราจะเริ่มต้นธุรกิจตรงไหนดีระหว่าง ทำให้หลากหลาย หรือทำให้เป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง คนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่บอกว่า เค้าจะเริ่มต้นที่ความเก่งเฉพาะทางหรือทำธุรกิจแนวลึกครับ เพราะการทำอะไรที่เราถนัดและเชี่ยวชาญจะทำให้คนนึกถึงเราเสมอ และทำให้เรามุ่งมั่นกับมันอย่างเต็มเวลา และเมื่อถึงจุดๆ หนึ่งจะมีคนขอให้เราขยายธุรกิจไปทำอย่างอื่นเอง หรือเราอาจใช้ทรัพยากรและความเชี่ยวชาญที่เรามีไปต่อยอดให้มีความหลากหลายในแนวกว้างมากขึ้น เช่น เอ็มเค เริ่มจากธุรกิจสุกี้ ขณะนี้มีธุรกิจอาหารญี่ปุ่น อาหารเกาหลีและคอมมูนิตี้มอลล์ เพื่อต่อยอดธุรกิจ หรือเซ็นทรัลก็เช่นเดียวกัน จากห้างสรรพสินค้า สู่โรงแรมและร้านอาหาร

 

9.      ทำงานเพื่องาน อย่าทำงานเพื่อเงิน

ความแตกต่างระหว่างคนที่ประสบความสำเร็จและคนที่ไม่ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจประการหนึ่งคือ คนที่ประสบความสำเร็จจะไม่ได้คิดเรื่องเงินเพียงอย่างเดียว ไม่ได้คิดว่าต้องทำกำไรจากการเจรจาแต่ละครั้งเท่าไหร่ แต่จะสนใจว่าการเจรจานั้นมีความสุขเท่าไหร่ และผลตอบแทนที่เป็นตัวเงินจะได้คืนมาเองในอนาคต เมื่อคุณทำงานเพื่องาน สิ่งที่ได้คือความสัมพันธ์และการทำธุรกิจระยะยาว แต่ถ้าคุณทำงานเพื่อเงิน คุณอาจจะได้เงินมากในครั้งนั้น แต่ธุรกิจคุณอาจพังได้ในพริบตา

 

10.  หาคนที่มี “เคมี” ตรงกัน ธุรกิจจะโตแบบก้าวกระโดด

ถามคนที่ประสบความสำเร็จ 100 คนว่า อะไรยากที่สุดในการทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ ร้อยทั้งร้อย หรือพันทั้งพันก็ตอบว่า การหาคนและบริหารคนนี่แหละยากกว่าหาเงินและบริหารเงินมากนัก ไม่ว่าคุณกำลังจะเปิดธุรกิจและต้องการหาเพื่อนคู่คิดหรือหุ้นส่วน ไม่ว่าคุณกำลังจะเติบโตและต้องการหาทีมงาน สิ่งหนึ่งที่คุณต้องทำคือ ต้องเลือกคนที่มี “เคมี” ตรงกัน หรือมีแนวคิดในการทำงาน ทำธุรกิจคล้ายกัน เติมเต็มสิ่งที่เราขาด แต่ไม่ใช่เลือกคนจบจากที่เดียวกันทั้งหมด เรียนคณะเดียวกันทั้งหมด มันต้องมีความหลากหลายด้วย

“เคมี” ตรงกัน คือ แนวทางในการดำเนินชีวิตที่จะบ่งบอกได้ว่า ธุรกิจคุณจะเติบโตได้หรือไม่ถ้ามีคนคนนี้ ส่วนจะหาอย่างไรให้เจอ ต้องค่อยๆ คุย ค่อยๆ หา เหมือนเวลาหาคู่ครับ มันจะคลิกอย่างบอกไม่ถูก เจอปุ๊บ รู้ปั๊บ นี่แหละแม่ของลูกเรา หรือเจอปุ๊บ รู้ว่านี่แหละคนที่จะเลี้ยงดูเราได้ตลอดชีวิต

 

จากทั้ง 10 เคล็ด (ไม่) ลับการทำธุรกิจที่คนประสบความสำเร็จไม่เคยบอก ผมขอสรุปสั้นๆ สำหรับคนที่อยากมีธุรกิจของตัวเองคือ นอกจากคุณจะมีเงิน มีความรู้ มีความสามารถแล้ว คุณจะต้อง “อึด” เพราะวงจรของการทำธุรกิจเริ่มจาก “อยากทำ-รวมตัว-ทำ-ทำ-ทำ-หมดแรง-เบื่อ-เลิก” และหากคุณจะประสบความสำเร็จคุณต้อง “คิด-ทำ-เฟล(ล้ม)-คิด-ทำ-เฟล(ล้ม)” ทุกคนล้มได้ครับ แต่ต้องห้ามตาย(ออกจากธุรกิจเด็ดขาด) สุดท้ายคนที่ประสบความสำเร็จในโลกธุรกิจยุคนี้หลายๆ คนฝากมาบอกว่า “เดี๋ยวนี้เงินลงทุนหาไม่ยากหรอกครับ แต่ Mentor (พี่เลี้ยง) ดีๆ หายากมาก” … สวัสดี