บูรพา-อาคเนย์ ตอนอาเซียนกับกลุ่มก่อการร้าย IS… มันมาแล้ว! : บัณรส บัวคลี่


ใครจะนึกว่าทันที่เริ่มเปิดปีแรกเริ่มประเดิมประชาคมอาเซียน ได้เกิดมีเหตุร้ายกลุ่มก่อการร้ายที่ประกาศตัวว่าเป็นกลุ่มรัฐอิสลามหรือ IS/ISIS ก่อเหตุระเบิดและยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ใจกลางจาการ์ต้า เมืองหลวงของอินโดนีเซีย เป็นข่าวคึกโครมไปทั่วโลก

 

เหตุการณ์นี้บ่งบอกหลายสิ่งหลายอย่าง

 

ผู้เชี่ยวชาญบางคนชี้ว่า เป็นเพราะปฏิบัติการของ IS ในตะวันออกกลางล้มเหลว พื้นที่ยึดครองถูกชาติตะวันตก/รัสเซียยึดคืน ถูกโจมตีล่าถอย จึงจำเป็นต้องเปิดยุทธภูมิอื่นเป็นการตอบโต้ ดังจะเห็นจำนวนสถิติของการก่อการร้ายโดยกลุ่ม IS นอกเขตตะวันออกกลางมากขึ้น เช่น ที่บูกินาร์ฟาโซ ในอาฟริกา และที่อินโดนีเซีย ฯลฯ

 

สาเหตุที่แท้จริงจะเป็นเช่นนั้นหรือไม่ ยังไม่รู้แน่!! ..แต่ที่แน่ๆ ก็คือ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประชาคมอาเซียนบ้านของเรากำลังกลายเป็นสมรภูมิของกลุ่มก่อการร้ายระดับโลกอย่างแน่นอนที่สุดแล้ว

 

IS เป็นกองกำลังอิสลามหัวรุนแรงที่ยกระดับปฏิบัติการของกลุ่มก่อการร้ายอิสลามที่เราท่านคุ้นหูในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา เช่น เจมาห์ อิสลามมิยะห์, กลุ่มอัลกออิดะห์, กลุ่มตอลิบัน หรือ กลุ่มใด ๆ เพราะ IS ใช้รูปธรรมของความเป็นรัฐอิสลามแบบดั้งเดิม หรือ คอลิฟะห์/กาหลิบ มีวิถี/และวิธีการรุนแรงสุดขั้วนำไปสู่เป้าหมาย การระเบิดถล่มโบราณสถาน การฆ่าคนอย่างโหดเหี้ยมเป็นข่าวให้เห็น การปฏิเสธและฆ่ากลุ่มรักร่วมเพศ การสถาปนาผู้นำคอลิฟะห์ อันเป็นชื่อตำแหน่งดั้งเดิมในยุคแรกของการก่อกำเนิดอิสลาม การจัดการรายได้และการเศรษฐกิจตามแนวทางของรัฐอิสระ รวมถึงการยึดครองพื้นที่ปกครอง ฯลฯ ไม่เหมือนกับกองกำลังติดอาวุธหรือกลุ่มก่อการร้ายใดๆ ที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้า

 

ที่จริงแล้ว ประเทศอาเซียนบ้านเรา มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ไทย..ไม่ได้เพิ่งจะมาเกิดมีขบวนการก่อการร้าย วางระเบิด ยิงเจ้าหน้าที่ตาย หรือไม่เคยมีกลุ่มติดอาวุธเคลื่อนไหวเป็นปฏิปักษ์กับรัฐบาลดอกนะครับ.. ตลอดทศวรรษที่ผ่านมาทุกประเทศอาเซียนที่กล่าวมาต่างก็เผชิญกับกลุ่มก่อการร้ายกันมาแล้วทั้งนั้น

 

ฟิลิปปินส์ถึงขนาดทำสงครามแบ่งดินแดนกันเลยระหว่างรัฐบาลคริสต์กับกบฏอิสลาม เงียบสงบไปช่วงสั้นๆ ระยะเดียวล่าสุด IS ได้โพสต์ภาพถ่ายกองกำลังรัฐอิสลามสาขาฟิลิปปินส์ ชูปืนและธงดำหราโชว์สื่อไปเมื่อปลายปี 2015 ที่ผ่านมานี้เอง

 

ส่วนอินโดนีเซียที่เราคิดว่าเป็นประเทศอิสลามที่ใหญ่ที่สุดในโลก ไหนๆ นับถืออิสลามด้วยกันจะไม่มีปัญหากับกลุ่มรัฐอิสลาม ที่ไหนได้ อินโดนีเซียที่แหละที่ปวดหัวกับกลุ่มก่อการร้ายมากที่สุดประเทศหนึ่ง ประวัติศาสตร์ของในช่วงเรียกร้องเอกราชทำให้เกิดมีเชื้อของกลุ่มศาสนาหัวรุนแรงมาก่อนแล้ว และก็ก่อรูปเป็นองค์กรก่อการร้ายยุคใหม่ก่อเหตุสะเทือนขวัญระเบิดถล่มผับที่บาหลี เมื่อปี 2002 โดยกลุ่ม เจไอ หรือ เจมาห์ อิสลามิยะห์ และหลังจากนั้นอินโดนีเซียไม่เคยสงบเลย แบบเดียวกับสี่จังหวัดภาคใต้ยังไง-ยังงั้น หากแต่เราไม่ได้สนใจติดตามข่าวสารของเขามากนัก จึงค่อยมาฮือฮาอีกรอบเมื่อเกิดเหตุสะเทือนขวัญกลางวันแสกๆ เมื่อ IS ถล่มจาการ์ต้าแล้วมีคนตาย

 

หลังจากเหตุระเบิดที่บาหลี มหาอำนาจอเมริกา ออสเตรเลียอยู่ไม่ติดแล้วครับเพราะคนของเขาตายเยอะ มันจึงเกิดมีการก่อตั้งหน่วยงานตำรวจต่อต้านการก่อการร้ายขึ้นมาโดยเฉพาะเรียกว่า Detachment 88 หรือที่สื่อชวาเรียกกันว่า Densus 88  หน่วยงานนี้เป็นหน่วยตำรวจเทพ เพราะมหาอำนาจอุดหนุนตั้งแต่อาวุธยุทโธปกรณ์ดีๆ กว่าตำรวจอิเหนาทั่วไป ฝึกอบรมโดย CIA FBI  แถมออสเตรเลียก็ช่วยงานข่าวกรองอีกต่างหาก  ถ้าไม่มีหน่วยงานไล่ล่าหน่วยนี้อินโดนีเซียคงเจออะไรไปมากกว่านี้ เพราะข่าวสารที่ปรากฏออกมาก่อนหน้าเหตุระเบิดทางการอิเหนากำลังไล่ล่ากลุ่มก่อการร้ายที่เป็นเซลของ IS ในหลายพื้นที่ด้วยกัน

 

ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน สิงคโปร์เองก็ไม่ใช่ว่าปลอดภัย เพราะเกือบถูกกลุ่มเจไอ. ที่มีฐานในอินโดนีเซียที่ว่าถล่มไปแล้ว ดีที่ฝ่ายข่าวกรองจัดการได้ก่อนจึงค่อยรู้ว่ากลุ่มก่อการร้ายกะจะถล่มใหญ่สถานที่สำคัญที่เป็นสัญลักษณ์ของตะวันตก 6 จุด ประกอบด้วยสถานทูตอเมริกา อังกฤษ อิสราเอล ออสเตรเลีย ท่าเรือ Sembawang Wharf และฐานทัพเรือชางงี

 

สังเกตดู เออ..แปลกดี ประเทศเพื่อนบ้านเขาเริ่มมีปัญหากันราวปี 2001 2002 / พ.ศ.2544 2545 ตรงกับเหตุปล้นปืนนราธิวาสบ้านเราพอดี

 

เอาเป็นว่า เป็นเวลากว่าทศวรรษมาแล้ว ที่อาเซียนประชาคมของเราต่างก็ได้รับเชื้อโรคด้านการก่อการร้ายฝังอยู่ในประเทศของตัวกันคนละหนุบละหนับ มากบ้างน้อยบ้างตามสภาพอาการและการรักษาดูแล ซึ่งก็น่าสงสัยเต็มทีว่าเจ้าไข้ที่ว่าน่ะ วันนี้มันเกิดดื้อยา ยกระดับความรุนแรง หรือกลายพันธุ์เป็น IS ที่น่ากลัวกว่าเดิม หรือยังแค่เชื้อเดิมๆ ที่สวมเสื้อสีใหม่ซึ่งยังพอรักษาบรรเทาปะทะปะทังกันแบบเดิมๆ ได้อยู่

 

IS นั้นเป็นพัฒนาการอีกระดับของกลุ่มก่อการร้ายโลกก็ว่าได้นะครับ ที่จริงมีนักวิชาการและสถาบันต่างๆ เขาเขียนถึง IS มากแล้ว ผมแค่สรุปรวบยอดมาอีกทอดหนึ่ง ว่า IS มันยกระดับมาถึงขนาดมีดินแดนเป็นของตนเอง มีระบบจัดการเศรษฐกิจ มีกฎหมายอิสลามแบบตาต่อตาฆ่ากันเห็นๆ และที่น่าสนใจคือมีเครือข่ายโฆษณาชวนเชื่อที่ทันสมัย ขนาดมีแอพพลิเคชั่นสำหรับติดต่อสื่อสารกันเองบนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ การบล็อกของหลายๆรัฐบาลจึงไม่ประสบความสำเร็จ ไม่เพียงเท่านั้นเครือข่ายการโฆษณาสื่อสารทันสมัยของ IS ยังมีหนังสือ/แมกกาซีนออนไลน์ของตัวเอง จัดทำได้สวยงามทันสมัยทีเดียวครับ มีหลายภาษา อย่างภาษาอังกฤษก็มี และที่สำคัญคือมีเวอร์ชั่นบาฮาซา อินโดนีเซียด้วย ไม่ต้องพูดถึงเว็บไซต์อุดมการณ์ของเขาที่มีเวอร์ชั่นบาฮาซา อินโดนีเซียมานานแล้ว

 

รัฐบาลอินโดนีเซียยอมรับว่ามีชาวอินโดนีเซียจำนวนไม่น้อย อย่างน้อยก็หลายร้อยคนที่เข้าร่วมกับ IS ไปแล้ว บางส่วนยังอยู่ตะวันออกกลาง แต่บางส่วนก็กลับมาบ้าน กลายเป็นเซลก่อการร้ายอุดมการณ์อีกชนิดหนึ่งที่ไม่ใช่อิสลามแบบที่ชาวอินโดนีเซียถือ ส่วนทางมาเลเซีย เพิ่งมีข่าวว่านายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซะก์ ตกใจถึงกับช็อคที่ทราบว่ามีชาวมาเลเซียไปเป็นระเบิดฆ่าตัวตายอยู่ในอิรัค-ซีเรีย เพราะนั่นหมายถึงว่ามันน่าจะมีเซลของ IS ลามเข้ามาถึงชาวมาเลเซียแล้ว – ระเบิดพลีชีพที่ IS มาเลย์คนต่อไปจะบอมบ์ อาจจะเกิดขึ้นที่บ้านเกิดของเขาก็ได้ แบบเดียวกับที่เพิ่งเกิดในอินโดนีเซีย

 

ไม่กี่วันที่ผ่านมามันมีข่าวของเครือเนชั่นบอกว่า กองทัพภาค 4 เข้าไปตรวจสอบข่าวมีเซลของ IS ข้ามพรมแดนมาที่บ้านมูโน๊ะ อ.ตากใบ นราธิวาส เข้าไปติดต่อกับอิหม่ามมัสยิดให้สั่งสอนประชาชนถึงอุดมการณ์ของรัฐอิสลาม ซึ่งนี่เป็นข่าวเล็กๆ ที่ไม่ควรมองข้าม รัฐบาลและองค์กรศาสนาของอินโดนีเซียตอนนี้กำลังปรับตัวกับจ้าละหวั่นเพื่อให้มัสยิดและเครือข่ายศาสนาพยายามสั่งสอนบอกกล่าวกับประชาชนของเขาถึงแนวทางอิสลามที่ถูกต้อง ไม่ให้คนตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มหัวรุนแรงที่บิดเบือนแนวทางอิสลามล้างสมองผู้คน 

 

พอมันเกิดแล้ว…ตามแก้ยาก ! ตัวอย่างจากอินโดนีเซียก็มีให้เห็นอยู่ตำตา

 

ปี 2559 จึงไม่ใช่แค่เป็นปีประเดิมเริ่มต้นของประชาคมอาเซียน AEC เท่านั้น มันยังเป็นปีเริ่มต้นก่อเหตุใหญ่อย่างเป็นทางการของกลุ่มก่อการร้ายระดับโลก IS ในประชาคมภูมิภาคนี้ พร้อมกันด้วย

 

ไม่ต้องยกระดับขนาดยึดครองพื้นที่ ยึดครองแหล่งเศรษฐกิจเหมือนในตะวันออกกลางหรอก เอาแค่เปลี่ยนจากการลอบก่อวินาศกรรม หรือลอบโจมตีแล้วหนีไป ยกระดับมาเป็นการจับปืนสู้ซึ่งหน้ากลางวันแสกๆ หรือมาเป็นการใช้ระเบิดฆ่าตัวตายแค่นี้ก็น่าปวดเศียรเวียนเกล้าชาว AEC แล้ว