ยกเว้นภาษีสำหรับ SME ไฮเทค ภาษีที่ SME ควรต้องรู้…ก่อนเริ่มดำเนินธุรกิจ (ตอนที่ 5)


ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SMEs กับมาตรการในการส่งเสริมสนับสนุนการประกอบธุรกิจจากภาครัฐเป็นสิ่งคู่กันเสมอ เนื่องจากภาครัฐมีเป้าหมายเพื่อสร้างความเข้มแข็งของ SMEs และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ

การใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ในการดำเนินงานและบริหารจัดการธุรกิจที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย จึงเป็นสิ่งสำคัญที่รัฐให้การสนับสนุน โดยได้ออกเป็นพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรํษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 647) พ.ศ. 2560 ซึ่งมีสาระสำคัญสรุปได้ดังนี้

1.ยกเว้นการเก็บภาษีเงินได้สำหรับเงินได้ที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้อหรือค่าจ้างทำโปรแกรมคอมพิวเตอร์หรือค่าใช้บริการโปรแกรมคอมพิวเตอร์ โดยต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้

(1)เป็นการจ่ายค่าซื้อหรือค่าจ้างทำโปรแกรมคอมพิวเตอร์ หรือค่าใช้บริการโปรแกรมคอมพิวเตอร์ให้แก่ผู้ขาย ผู้รับจ้างทำ หรือผู้ให้บริการโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ทั้งนี้ ไม่รวมค่าบำรุงรักษารายปี และค่าใช้จ่ายที่ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์)

(2)เป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการบริหารจัดการธุรกิจด้านต่างๆ เช่น ERP (ระบบบริหารจัดการทรัพยากรองค์กร) CRM (ระบบบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า) POS (ระบบบริการ ณ จุดขาย) MRP (ระบบบริหารจัดการและวางแผนการผลิต) Account (ระบบบัญชี) Personnel (ระบบบริหารงานบุคคล) Logistics (ระบบบริหารการขนส่ง) Inventory (ระบบบริหารงานคลังสินค้า) เป็นต้น และเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ถูกสร้างและพัฒนาขึ้นในประเทศไทย

(3)ให้ได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล สำหรับเงินได้เท่ากับรายจ่ายที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้อหรือค่าจ้างทำ หรือค่าใช้บริการโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เป็นจำนวนร้อยละ 100 ของรายจ่ายที่ได้จ่ายไปจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาท ในแต่ละรอบบัญชี

(4)เป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ที่นำมาหักค่าสึกหรอและค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สินได้ตามประมวลรัษฎากร และต้องได้มาและอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานตามประสงค์ภายในสิ้นรอบระยะเวลาบัญชีที่มีการจ่ายค่าซื้อหรือค่าจ้างทำโปรแกรมคอมพิวเตอร์ หรือค่าใช้บริการโปรแกรมคอมพิวเตอร์

(5)ไม่เป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่นำไปใช้ในกิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน

(6)โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลได้ซื้อ จ้างทำ หรือใช้บริการ จะต้องเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ได้ซื้อ จ้างทำ หรือใช้บริการภายในรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2560 แต่ไม่เกิน 31 ธันวาคม 2562

2.บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ได้รับสิทธิ จะต้องเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลประเภท SMEs คือ มีทุนที่ชำระแล้วในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกิน 5 ล้านบาท และมีรายได้จาก
การขายสินค้าและการให้บริการในรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกิน 30 ล้านบาท

มาตรการนี้ทำมาเพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม หรือ SMEs มีการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายในการดำเนินงานและบริหารจัดการธุรกิจเพิ่มมากขึ้น