การค้าโลกสมัยใหม่มีความซับซ้อนขึ้น ผู้ประกอบการยิ่งต้องเร่งศึกษา และใช้ประโยชน์จากข้อได้เปรียบทางภาษีให้คุ้มค่าที่สุด


FTA

การค้าของไทยถ้าหากเราค้าขายส่งออกไปประเทศไหน แล้วไม่มีการเก็บภาษี จะเป็นประโยชน์มากๆ ถ้าเราไปลงทุนประเทศอื่นแล้วเขาไม่กีดกันต้อนรับเราดี ก็อบอุ่นใจ

วันนี้ถ้าเราส่งออกไป 100 บาท 60 กว่าบาทที่เราไม่โดนเก็บภาษี แต่สิงค์โปร์ส่งออก 100 บาท 90 กว่าบาทไม่โดนเก็บภาษี

การคิดภาษีการค้าโลกสมัยนี้ซับซ้อน มันมีกฎเรียกว่า Rule of Origin แปลว่าของที่ส่งออกในชื่อประเทศไทยวัตถุดิบส่วนมากต้องเป็นของประเทศไทย แต่ทุกวันนี้สินค้าที่ซับซ้อน เช่นชิ้นส่วนอิเลคทรอนิกส์ มีวัตถุดิบมาจากหลากหลายแหล่ง หลายสินค้าไม่เข้ากฎ Rule of Origin การค้าจึงต้องปรับตัวทำ FTA แบบ หลายประเทศพร้อมกัน เช่น AFTA, RCEP, ASEAN-China,ASEAN-Japan

การทำ FTA แบบ ทวิพาคี ก็จะมีความยืดหยุ่นสูงกว่า แต่ประโยชน์แบบพหุภาคีจะได้ประโยชน์วงกว้างกว่า รวมถึงยกมาตราฐานเราให้สูงขึ้น

มีคำถามว่า ถ้าเราไม่เข้า CPTPP แต่เราไปทำ กับ Canada , Mexico ดีกว่าไหม ข้อเท็จจริงคือ เราจะมี Asean-Canada อยู่แล้ว แต่การที่ต้องเข้า CPTPP เพราะญี่ปุ่นมหามิตรที่ลงทุนกับเรามากๆอยากให้เราเข้า เพราะญี่ปุ่นมีการลงทุนในไทย เวียดนาม มาเลย์ และอินโด โดยเฉพาะรถยนต์ การที่เราไม่เข้า CPTPP จะทำให้เราหลุดออกจากห่วงโซ่อุปทานและ ญี่ปุ่นที่ต้องการ Optimize กระบวนการผลิต การที่เราไม่มี CPTPP จะทำไม่ได้เลย

ผลกระทบกับผู้ที่มีส่วนเสีย ผมคิดว่าการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันเป็นเรื่องจำเป็น การดูแลพี่น้องเกษตรกรก็จำเป็น เราเคยมี FTA ไทย-ออสเตรเลีย , ไทย-นิวซีแลนด์ ที่เขาเก่งเรื่องนม มากกว่าเรา แต่เราก็มีเงินกองทุนดูแลเกษตรกรเลี้ยงวัว ถ้าหาก UPOV เป็นปัญหารัฐก็ควรตั้งกองทุนโดยเอาผลประโยชน์จากภาคอุตสาหกรรมมาดูแลอย่างเต็มที่ครับ

พลัฏฐ์ ศิริกุลพิสุทธิ์(ต๊ะ)
อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์