ผู้ประกอบการทำธุรกิจแล้วล้มเหลว ไม่ประสบความสำเร็จ เกิดจากสาเหตุอะไรบ้าง


โดยปกติทั่วไปแล้วผู้ประกอบการที่เป็น SME คนตัวเล็ก ก่อนช่วงที่จะเกิดโควิด -19 หรือเกิดสงครามการค้าอะไรต่าง ๆ ตามบันทึกของสถาบันการเงินแล้ว ในหนึ่งปีจะมีความล้มเหลวประมาณ 8% 5 ปีผ่านไป ก็จะมีธุรกิจล้มเหลว เหลืออยู่ประมาณ 60%

แต่ช่วงทุกข์ยากของธุรกิจและท้าทายลักษณะอย่างนี้ อัตราการเพิ่มที่จะทำธุรกิจไม่สำเร็จก็เพิ่มขึ้นมาก ก็มีผู้เชี่ยวชาญและข้อมูลที่อ้างอิงจากหลายแหล่งก็สูงถึงประมาณ 20% ถ้าเป็นแบบนี้ก็คงไม่มีใครประสบความสำเร็จ แต่ก็มีคนทำวิจัยศึกษาว่ามีธุรกิจที่ประสบความสำเร็จที่เรียกว่าขายของได้ กู้เงินเป็น และมีความรู้ จะทำอะไรได้บ้าง ส่วนใหญ่ก็เห็นได้ชัดว่า จะมีการปรับตัวในการยืดหยุ่น หรือยืดหยุ่นในการปรับตัว นั่นหมายถึงการปรับตัวธุรกิจในเชิงที่เราเรียกว่ามีทัศนคติในการแก้ไขปัญหา

ผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ส่วนใหญ่ที่ล้มเหลวก็ล้มเหลวจากตัวเรา เพราะเราพูดแต่ความทุกข์ยาก ปัญหาหนี้สิน ขายของไม่ได้ ไม่มีความรู้ กู้เงินไม่เป็น และโทษคนอื่น ไม่คิดที่จะปรับตัวเองในเชิงบวก ซึ่งเชิงบวกมีมิติให้เห็นอยู่ 2 มิติ

มิติแรก ถ้าให้ตรงกับหลักสุขอนามัย ถ้าเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับความทุกข์ในช่วงโรคระบาด คือความน่าเชื่อถือของธุรกิจของเราที่เกี่ยวข้องกับสมาชิกหรือลูกค้าของเราที่มาใช้บริการแล้วเราเป็นต้นเหตุของการติดเชื้อ เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่ต้องเข้มงวดอย่างมาก

มิติสอง เป็นในเรื่องของการหาหนทางแก้ไขปัญหาเชิงบวก ซึ่งไม่ง่าย มันสะท้อนถึงหนทางหรือแนวทางแก้ปัญหา ส่วนใหญ่เราจะลดต้นทุน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ จำนวนพนักงานที่ลดลง หลายองค์กรโดยเฉพาะ ร้านอาหารหรือโรงแรม มีการลดพนักงานที่มีประสบการณ์น้อย และอีกอย่างที่สำคัญคือการปรับกระบวนการทำงาน

เพราะฉะนั้นแล้วจึงเป็นประสิทธิภาพพร้อม ๆ กับต้นทุนในการที่จะกลับคืนมา ที่ยกตัวอย่างร้านอาหารและโรงแรม เนื่องจาก 2 ธุรกิจนี้ได้รับผลกระทบมากในช่วงวิกฤต การบริหารแบบคนอบจึงควรนำมาใช้เป็นอย่างมาก ดูแลลูกค้าเหมือนคนในครอบครัว เอาใจเขามาใส่ใจเรา และอีกประการที่สำคัญมาก ก็คือการรับฟังข่าวสารภายนอกอย่างมีสติ รับฟังความคิดเห็นของคนอื่นอย่างเชิงบวก เน้นการตัดสินใจที่รวดเร็ว รอบคอบ เน้นหารทำงานในด้านสื่อสารให้ออกมาซื่อสัตย์ ถูกต้อง ทันเวลา ถูกกาลเทศะ การสื่อสารที่ดีทั้งภายในและภายนอกไม่ให้ขัดแย้งกัน จึงเป็นเรื่องที่ผู้ประกอบการต้องลงมือทำเอง ท้ายสุดก็เป็นเรื่องสำคัญของการตลาดเลย คือตัวผลิตภัณฑ์และบริการซึ่งต้องสร้างความแตกต่าง พัฒนาคุณภาพ ความปลอดภัย

สรุปแล้วธุรกิจคือการจัดการความไม่แน่นอน ความทุกข์ยาก ให้เป็นในเชิงบวกและมีความก้าวหน้า เพื่อให้ขายของได้