มรสุมของ “ลัคกิ้นคอฟฟี่” ตกแต่งบัญชีการเงินจนเตรียมโดนถอดออกจากตลาดหุ้น


หากจะพูดถึงแบรนด์กาแฟที่มาแรงที่สุด และเป็นที่จับตาของตลาด คงจะหนีไม่พ้น “ลัคกิ้นคอฟฟี่” สตาร์ทอัพธุรกิจกาแฟจากจีนที่มาพร้อมกับเป้าหมายสุดยิ่งใหญ่ คือการโค่น “สตาร์บัคส์” ยกระดับขึ้นมาเป็นแบรนด์กาแฟอันดับ 1 ในดินแดนมังกร

ที่สุดแล้วดูเหมือนว่าเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ “ลัคกิ้นคอฟฟี่” จะสามารถทำได้จริง เมื่อเปิดสาขาแซงหน้า “สตาร์บัคส์” เป็นที่เรียบร้อย โดยในปี 2020 “ลัคกิ้นคอฟฟี่” มีสาขารวมกันทั้งหมด 4,910 แห่ง ขณะที่ “สตาร์บัคส์” มีสาขาจำนวน 4,300 แห่ง ซึ่งถือว่าธุรกิจได้ทำตามเป้าหมายที่วางเอาไว้อย่างสมบูรณ์แบบ

ไม่เพียงเท่านั้น กลยุทธ์ทางด้านการตลาดของ “ลัคกิ้นคอฟฟี่” ก็ถือมีความน่าสนใจไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็น การจัดโปรโมชันลดราคา พร้อมบริการเดลิเวอรีส่งเครื่องดื่มถึงมือผู้บริโภค, เน้นขยายสาขาไปในเมืองเล็ก หรือเมืองที่แบรนด์คู่แข่งยังไม่เข้าไปเปิดสาขา รวมถึงการขยายสาขาโดยใช้โมเดลร้านขนาดเล็ก เหล่านี้จึงทำให้ “ลัคกิ้นคอฟฟี่” เติบโตทางธุรกิจอย่างรวดเร็ว

 

 

ดูเหมือนว่า “ลัคกิ้นคอฟฟี่” จะไม่หยุดอยู่ในแค่จีนเท่านั้น เมื่อมีการรุกคืบเสนอขายหุ้นต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก (IPO) ในสหรัฐฯ เพื่อระดมทุนบนกระดาน Nasdaq ซึ่งในครั้งนั้น “ลัคกิ้นคอฟฟี่” มียอดการลงทุนทั้งสิ้น 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

อย่างไรก็ตาม “ลัคกิ้นคอฟฟี่” ต้องมาพบกับจุดพลิกผันของธุรกิจเมื่อถูกแฉว่ามีการตกแต่งบัญชีทรัพย์สินเกินความเป็นจริง โดยการตรวจสอบของบริษัท พบว่า Jian Liu ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ และพนักงาน มีส่วนร่วมกับการกระทำในครั้งนี้

จากการตรวจสอบพบว่า บัญชีในไตรมาส 2 ถึงไตรมาส 4 ของปีงบประมาณ 2019 ระบุยอดขายเกิดความเป็นจริงถึง 2,200 ล้านหยวน (ประมาณ 10,000 ล้านบาท) รวมถึงในเรื่องต้นทุน และค่าใช้จ่ายบางอย่างก็ดูสูงเกินความเป็นจริงเช่นกัน

สุดท้าย Jenny Zhiya Qian และ Jian Liu ซึ่งเป็น CEO และ COO ของ “ลัคกิ้นคอฟฟี่” ได้ถูกบริษัทปลดออกจากตำแหน่งมีผลเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม ที่ผ่านมาเป็นที่เรียบร้อย

ดูเหมือนว่าสถานการณ์จะดูเลวร้ายเข้าไปอีก เมื่อ Nasdaq เตรียมจะถอด “ลัคกิ้นคอฟฟี่” ออกจากตลาดหุ้น โดย Lu Zhengyao ประธานของ “ลัคกิ้นคอฟฟี่” กล่าวว่า ตนรู้สึกผิดหวัง Nasdaq และอยากขอโทษอย่างสุดซึ้งกับผู้ลงทุน ลูกค้าจากผลกระทบที่ร้ายแรงจากเหตุการณ์ในครั้งนี้

 

 

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ราคาหุ้นของ “ลัคกิ้นคอฟฟี่” ตกลงไปถึง 75% โดยยังสามารถซื้อ-ขายหุ้น ใน Nasdaq ได้อีก 30-45 วัน ก่อนจะมีการตัดสินว่าจะถอดออกจากตลาดหรือไม่

ข้อมูลอ้างอิง: businessinsider