The Big Short : SME Goal


 

The Big Short ภาพยนตร์ของผู้กำกับ อดัม แมคเคย์ (Adam Mckay) ได้รับการกล่าวถึงอย่างมากในวงการหนัง หลังจากถูกส่งชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ ด้วยเรื่องราวที่ถ่ายทอดไปสู่ระบบการลงทุนได้อย่างน่าศึกษา ทำให้ SME Goal อยากนำเรื่องนี้มาคุยกับเพื่อนๆกัน

The Big Short ในฉบับภาพยนตร์มีเนื้อหาที่ถูกถ่ายทอดมาจากหนังสือของไมเคิลลูอิส (Michael Lewis)เรื่อง The Big Short: Inside the Doomsday Machine ได้บอกเล่าเรื่องราวที่มีเนื้อหามาจากเรื่องจริง “วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์” ที่เศรษฐกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ของประเทศยักษ์ใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกาต้องล้มครืนลงในช่วงไตรมาส 2 ของปี ค.ศ.2007

ภาพยนตร์บอกเล่าผ่านตัวละคร 4 คนหลัก และสามารถเชื่อมโยงด้านการทำงานได้เป็นอย่างดี แต่ที่สำคัญคือกลุ่ม 4 ตัวละครหลักนี้ยังเผยให้เห็นถึงเรื่องราวหลายอย่างที่สามารถผ่านพ้นจากวิกฤติดังกล่าวไปได้พร้มกับรายได้มหาศาล ประกอบด้วย

  • ดร.ไมเคิล เบอร์รี่ ( Michael Burry) : Christian Bale ผู้มีวิสัยทัศน์ มองการณ์ไกลและเป็นจุดเริ่มของปรากฎการณ์ที่เรียกว่า The Big Shortขัดแย้งกับบุคลิกที่เป็นคนไม่ค่อยเข้าสังคมและใช้ชีวิตอย่างสมถะ
  • ยาเร็ด เวนเน็ตต์ (Jared Vennett) : Ryan Gosling ถ่ายทอดผ่านตัวละครที่เป็นพนักงานของ Deustchbankที่สามารถรับรู้ข้อมูลจากธนาคารตามงานปาร์ตี้ และเป็นเหมือนนักเล่นหุ้นหลายคนที่พบเห็นโอกาส
  • มาร์ค บาม (Mark Baum) : Steve Carell เจ้าของบริษัทกองทุน ผู้เถรตรง ไม่สนใจในระบบ ตรงไปตรงมา แต่มีจริยธรรรมในใจสูงมาก
  • ชาร์ลี เกลเลอร์ (Charlie Geller) กับเจมส์ ชิปลีย์(Jamie Shipley) :John Magaro กับ Finn Wittrock นับเป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ที่เห็นโอกาสรวยจากการลงทุน และพร้อมจะใช้เงินเก็บทั้งชีวิตในการเข้าสู่ The Big Short ครั้งนี้ แต่โอกาสของคนทั้งสองก็ต้องได้การรับรองจากผู้มีประสบการณ์อย่างเบน ริคเกิร์ต(Ben Rickert) : Brad Pitt อดีตนักลงทุนมากประสบการณ์ ผู้วางมือจากวงการนี้ออกไปใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย

ความน่าสนใจของการถ่ายทอดปรากฎการณ์The Big Short เรื่องนี้ หากเปรียบกับการเดิมพันก็เหมือนกับการแทงสวนกระแสที่ผ่านการวิเคราะห์มาเป็นอย่างดี เริ่มจากผู้มองเห็นโอกาสจากการได้เงินท่ามกลางเสียงเยาะเย้ยของบรรดาธนาคารที่รับเป็นเจ้ามือ จากการผ่านการศึกษาเรื่องอสังหาริมทรัพย์อย่างจริงจังของ ดร.ไมเคิล เบอร์รี่ ที่จะถูกถ่ายทอดผ่านโลเคชั่นตัวละครนี้อยู่ตามธนาคารต่างๆ ในการสร้าง The Big Short ทั้งที่ตัวละครนี้ถูกจำกัดโลเคชั่นเพียงห้องทำงานของตัวเองพร้อมดนตรีร็อกตั้งแต่เริ่มเรื่องราวในช่วงปี ค.ศ.2005 แต่ความเคลื่อนไหวไปสู่ตลาดธนาคารของเขาเพียงเล็กน้อยกลับสามารถสร้างแรงกระเพื่อมได้อย่างรุนแรงในบั้นปลาย

การทำนายว่าอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐอเมริกาจะพังครืนของ ดร.เบอร์รี่ นับเป็นเรื่องตลกของบรรดาธนาคารยักษ์ใหญ่ที่อยู่ดีๆ มีคนนำเงินกองทุนระดับหลักพันล้านมาพร้อมความเชื่อว่าสิ่งเหล่านั้นจะล้มลง แต่ภายใต้การปาร์ตี้อย่างสนุกสนานของเหล่าธนาคารพูดคุยถึงเรื่องนี้อย่างตลกขบขัน มีเพียงยาเร็ด เวนเน็ตต์ พนักงานธนาคารที่ได้ยินเรื่องนี้เข้ากลับเชื่อว่าการเล่น The Big Short หนนี้ของ ดร.เบอร์รี่ มีความเป็นไปได้

เรื่องราวถูกร้อยเรียงมาถึงมาร์ค บาม ชายผู้มีบุคลิกโผงผางและแข็งกร้าวต่อโลก ผู้เป็นเจ้าของกิจการกองทุนได้พบปะกับเวนเน็ตต์ นายธนาคารผู้แสดงตัวอย่างชัดเจนว่า เขาเห็นโอกาสนี้และพร้อมเข้ามากอบโกยด้วยข้อเสนอเพื่อแลกกับส่วนแบ่ง ทำให้กองทุนนี้ได้เริ่มขบคิดและเริ่มศึกษาถึงความเป็นไปได้ของเศรษฐกิจอสังหาริมทรัพย์ ก่อนจะค้นพบว่า ยิ่งศึกษามันก็ยิ่งเป็นความจริงๆ ที่ผู้คนทั่วไปมองไม่เห็นมากขึ้นเรื่อยๆ

แรงสั่นสะเทือนที่ก่อตัวเป็นคลื่นใต้น้ำเล็กๆ ได้ผูกโยงไปถึงชาร์ลี เกลเลอร์กับเจมส์  ชิปลีย์ เด็กหนุ่มกับบทบาทผู้เริ่มต้นในธุรกิจและการลงทุน แต่ด้วยความหน้าใหม่ทำให้พวกเขาได้ติดต่อขอความช่วยเหลือไปยังเบน ริคเกิร์ต อดีตนักการเงินผู้คร่ำหวอดในวงการที่หันหลังให้กับเรื่องนี้ แต่ด้วยความเป็นไปได้ อดีตนักการเงินผู้นี้จึงยอมหันกลับมาช่วยเหลือเพราะมองว่าเรื่องนี้มันท้าทายและมีความเป็นไปได้เช่นกันสำหรับเขา

ตัวละครทั้ง 4 มองไปยังเป้าหมายเดียวกันคือ เงิน จากพื้นที่ที่เรียกว่า “โอกาสที่หลายคนมองไม่เห็น” ราวกับความประมาทกำลังค่อยๆกัดกร่อนคนส่วนใหญ่ที่หลงระเริง

 

ด้วยการนำเสนอเรื่องราวที่เข้าใจยากในเรื่อง CDO หรือแม้แต่ด้านเศรษฐศาสตร์ ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังสามารถร้อยเรียงความน่าสนใจด้วยการนำมาร์ก็อตร็อบบี้ (Margot Robbie) เซเรน่า โกเมซ (Serena Gomez) รวมถึงการใช้เกมคอนโดไม้ (Jenga) มาช่วยอธิบายเรื่องหนักๆ ให้ผ่อนคลายได้อย่างน่าสนใจ

the-big-short_poster

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเรื่องนี้จะจบลงด้วยชัยชนะของคนดำเนินเรื่องเพียงไม่กี่คน แต่ชัยชนะที่เต็มไปด้วยความสูญเสียของคนจำนวนมากที่ต้องเสียทั้งทรัพย์สิน ที่อยู่อาศัย ก็ไม่สามารถทำให้คนกลุ่มเล็กๆ  ได้ดีใจ เฉกเช่นคำพูดตอนท้ายของเบน ริคเกิร์ต ที่เริ่มมองเห็นแล้วว่า อสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐอเมริกากำลังจะพังลง พร้อมกับการเบรกเตือน 2 หนุ่มผู้เริ่มต้นด้านลงทุนว่า พวกเขาไม่ควรแสดงออกถึงความดีใจออกมา เพราะนั่นอาจหมายถึงการหัวเราะบนความสูญเสียของผู้อื่น

หรือแม้กระทั่งชายที่ไม่เชื่อมั่นในระบบ แข็งกร้าวอย่างมาร์ค บาม ยังคงต้องยอมอ่อนข้อและเผยให้เห็นจริยธรรมส่วนลึกที่ยิ่งใหญ่ในใจของเขาก่อนการตัดสินใจครั้งสุดท้ายว่า เขาสามารถได้เงินมหาศาล แต่เขาก็จะเป็นเหมือนกลุ่มคนที่เขาเคยเกลียดและต่อต้านมาตลอดเวลา

และเมื่อภาพยนตร์เรื่องนี้จบลงมันก็เหมือนกับสอนให้เราได้รู้ว่า โอกาสบางครั้งมันก็ได้มาบนความเชื่อมั่นที่ผ่านการศึกษามาเป็นอย่างดีจริงๆ ก่อนจะย้อนคำถามเข้าสู่ส่วนลึกหรือจริยธรรมในใจของตัวคุณเอง

By : ต้นตอ

SME Goal บางทีอาจจะคล้ายสมีกอล (Smeagol) ที่นั่งแฝงตัวดูภาพยนตร์อย่างเงียบๆ เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวในนั้นมาพูดคุยถึงเรื่องที่เกี่ยวกับการทำงาน ธุรกิจ