ทุกวันนี้อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในประเทศไทยมีประสิทธิภาพมากขึ้น และเข้าถึงประชาชนได้อย่างทั่วถึงทำให้ ธุรกิจในรูปแบบของ Over-the-Top หรือ OTT กำลังได้รับความนิยมและเป็นที่สนใจ เนื่องจากเป็นการแพร่ภาพเนื้อหาข่าวสารและความบันเทิงผ่านอินเทอร์เน็ต โดยไม่มีค่าใช้จ่ายในเรื่องของโครงข่ายสัญญาณ ทำให้ธุรกิจนี้สามารถเก็บค่าบริการในราคาที่คนทั่วไปเข้าถึงได้ และยังทำให้คนดูสามารถเลือกดูรายการต่างๆ ได้ที่ไหนเมื่อไรก็ได้ นี่คือการปรับตัวของธุรกิจจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยี พร้อมกันนั้นก็เป็นการปรับตัวให้เข้ากับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปด้วย
OTT เป็นทั้งโอกาสและวิกฤตสำหรับผู้เล่นหน้าใหม่และผู้เล่นหน้าเก่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวงการสื่อ โอกาสของผู้เล่นหน้าใหม่สามารถกระโดดเข้ามาในวงการได้โดยไม่ต้องลงทุนด้านโครงข่ายใดๆ ทำให้สามารถทำธุรกิจได้คล่องตัวกว่าต้นทุนก็ต่ำกว่าสามารถผลิตรายการที่ต้นทุนสูงกว่าได้ และมีความยืดหยุ่นในการออกอากาศคือจะดูเมื่อไรก็ได้ ส่วนวิกฤตของผู้เล่นหน้าเก่าก็คือต้องแบกรับต้นทุนสัมปทานโครงข่ายทำให้มีต้นทุนในการผลิตรายการสูง ไม่มีความยืดหยุ่นในการออกอากาศเพราะต้องรันตามตารางเวลา
นอกจากนั้นยังมีเรื่องของพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป จากเดิมที่จะต้องนั่งรอดูรายการต่างๆ ตามเวลาที่กำหนดไว้ เปลี่ยนเป็นอยากดูเมื่อไรก็ดู และส่วนมากไม่ชอบการรอคอยอย่างการติดตามซีรีย์เรื่องโปรดแบบสัปดาห์ละครั้ง แต่มักจะเลือกแบบดูต่อเนื่องยาวๆ ในช่วงวันหยุดแทน เมื่อพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแน่นอนว่า บริษัทโฆษณาก็ต้องปรับตัวตามทำให้เม็ดเงินโฆษณามีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ใครสามารถดึงคนดูไปได้มากกว่าเม็ดเงินโฆษณาก็จะไปตรงนั้น
OTT เป็นบริการที่ทำการแพร่ภาพและเสียงผ่านอินเทอร์เน็ต ทำให้สามารถให้บริการได้โดยไม่ต้องทำการลงทุนด้านเครือข่ายใดๆ เลย ต่างจากทีวีดิจิทัลที่ต้องมีการลงทุนกับโครงข่ายเพื่อทำการแพร่ภาพออกอากาศ ปัจจุบันแนวโน้มของผู้บริโภคที่หันมาสนใจบริการจาก OTT มากขึ้นเนื่องจากมีความสะดวกสบายไม่ต้องทำการติดตั้งเสาหรือซื้อกล่องใดๆ เลย เพียงแค่มีอินเทอร์เน็ตก็เข้าใช้งานได้แล้ว ทำให้เกิดธุรกิจเกิดใหม่อย่าง Netflix และ Hulu แจ้งเกิดได้อย่างเต็มตัว
จากกรณีศึกษาวงการทีวีในสหรัฐฯ แสดงให้เห็นว่าบริการ OTT มีความโดดเด่นมากกว่าทีวีแบบเดิมในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นฟรีทีวีหรือเคเบิ้ลทีวี เพราะเนื้อหามีความหลากหลายกว่า สามารถเรียกดูได้ในเวลาที่ต้อง (video on demand) และที่สำคัญราคาถูกกว่าเคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียมเกือบ 8 เท่า อีกทั้งยังมีความสะดวกสบายในการเลือกดูผ่านอุปกรณ์ต่างๆ ได้หลากหลายกว่า ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต เครื่องคอมพิวเตอร์ และสมาร์ททีวี นอกจากนี้ยังเป็นการดูได้ต่อเนื่องไม่มีโฆษณามากวนใจ
สำหรับประเทศไทยเองนั้นกระแสของ OTT ก็กำลังเริ่มเห็นได้ชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มของคนรุ่นใหม่ที่เติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยี ส่วนเรื่องของปัจจัยหนุนด้านอื่นเราจะนำเสนอในโอกาสต่อไป