วิกฤติเศรษฐกิจไทยจากปัญหาการเมืองปัจจุบัน สร้างผลกระทบต่อธุรกิจหลายแขนง ซึ่งครั้งนี้จึงมีแนวคิดที่จะ Start up ติดเครื่องธุรกิจ : อนาคตเศรษฐกิจไทย เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจของไทยตลอดจนขยายตัวเศรษฐกิจไทยออกสู่ตลาด ทั้งยังเป็นโอกาสสำคัญที่จะมีบริษัทใหม่ ความคิดใหม่ เฉพาะด้านเพิ่มมากขึ้น
รศ.ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ นักวิชาการอิสระ กล่าวถึง‘เศรษฐกิจและการเมืองไทย ปี 2557’ ว่า ตอนนี้ประเทศไทยอยู่ในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจทางการเมือง จึงทำให้เกิดผลกระทบต่อธุรกิจไทยหลายด้าน ทั้งการค้า การลงทุน การส่งออกเป็นต้น ด้วยสถานการณ์ดังกล่าวเกิดปัญหาอย่างมาก เนื่องจากผู้คนส่วนใหญ่ไม่พอใจในเรื่องการบริการหรือการจำหน่ายสินค้า และการส่งออกก็ไม่ได้ผลตามที่คาดหวัง นำไปสู่การขาดทุน งบประมาณเงินสะพัด อีกทั้งประเทศจีนมีการเจริญเติบโตมากขึ้น ค่าแรกสูงขึ้น และเงินหยวนแพงขึ้น จึงชี้ให้เห็นว่าปัญหาเหล่านี้คือความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง
คุณโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ธนาคารกรุงเทพ ผู้ดำเนินการอภิปราย กล่าวว่า Start up คือเรื่องใหญ่ที่ส่งผลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญที่จะมีบริษัทใหม่ ความคิดใหม่ เฉพาะด้านเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น Start up ติดเครื่องธุรกิจ : อนาคตเศรษฐกิจไทยครั้งนี้ มีผู้ร่วมอภิปรายประกอบด้วย ดร.ทวีศักดิ์ ภู่หล่ำ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สวีทชีดส์ จำกัด , คุณประเสริฐ เจนศิริวานิช กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจนบรรเจิด จำกัด , คุณลิขิต นิ่มตระกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปภพ จำกัด และคุณเฉลิมพล ปุณโณทก กรรมการผู้จัดการ บริษัท CT Asia จำกัด ทั้ง 4 ท่านเป็นผู้บุกเบิกธุรกิจภายใต้ปัญหาต่างๆ ทั้งในช่วง ปี 2540 วิกฤติต้มยำกุ้ง ปี 2549 ปัญหาการเมือง ปี 2553 ปัญหาการเมือง ปี 2554 มหาอุกทกภัย ปี 2556 ปัญหาการเมืองในปัจจุบัน ซึ่งได้ผ่านปัญหาอุปสรรคเหล่านี้มาได้โดยการ Start up ธุรกิจของตนได้อย่างดีเยี่ยม
ด้านคุณประเสริฐ เจนศิริวานิช กรรมการผู้จัดการบริษัทเจนบรรเจิด จำกัด กล่าวว่า ก่อนที่จะมีธุรกิจเติบโตอย่างมั่นคงนี้ ได้มีธุรกิจพื้นๆโดยจำหน่ายอุปกรณ์สินค้าวัสดุ ทั้งผลิตเอง และนำเข้า โดยเริ่มจากเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้า ซึ่งในปีแรกมีเงินเข้าถึง 27 ล้านบาท ต่อมา 4 ปีได้ถึง 800 ล้านบาทจากนั้น 3-4 ปี มีการพัฒนาธุรกิจ และนำเข้ารถยกจากเยอรมัน หลังจากนั้นต่อมา 8 ปีได้จัดตั้งโรงงานเพื่อทดแทนการนำเข้าทั้งหมด โดยหันมาผลิตเอง ทั้งส่งออกภายในประเทศ และนอกประเทศ ซึ่งขณะนี้กลายเป็นผู้บุกเบิกธุรกิจการจัดเก็บ ยกย้ายวัสดุให้กับธุรกิจไทย
บริษัทฯจึงได้ทุ่มเทเวลาในการเตรียมงานและสรรหาสินค้าคุณภาพดี เพื่อนำเสนอบริการใหม่ล่าสุด นั่นคือการเสนอขายสินค้าผ่านแค็ตตาล็อกในชื่อ “Jenbunjerd Catalogue” ซึ่งจะช่วยให้งานจัดซื้อของง่ายและสะดวกรวดเร็วขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก และจัดตั้ง Customer Care เพื่อให้การดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น จึงถือเป็นอีกบทพิสูจน์หนึ่งของความตั้งใจ มุ่งมั่นนำสิ่งดี ๆให้แก่ลูกค้า
ด้านดร.ทวีศักดิ์ ภู่หล่ำ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สวีทซีดส์ จำกัด กล่าวว่า แต่เดิมเป็นอาจารย์สอนหนังสือมาก่อนที่จะหันมาวิจัยเกี่ยวกับข้าวโพด หลังจากนั้นมุ่งมั่นวิจัยข้าวโพดอย่างต่อเนื่อง และในปี 1972 นำเมล็ดข้าวโพดที่วิจัยเสร็จนำออกสู่ตลาด แต่ไม่สามารถขายทางตลาดได้ จึงมีแนวคิดที่จะวิจัยข้าวโพดหวานขึ้นมา 7-8 เดือนหลัง ได้พันธ์มาให้เกษตรนำไปทดลองปลูก และจำหน่ายในราคากิโลกรัมละ 2.50 บาท โดยเริ่มขายได้ครั้งแรก 250,000 บาทซึ่งจากเดิมมีเกษตรกรที่ปลูกข้าวโพด 35 ไร่ เพิ่มเป็น 1,000 ไร่ ทั้งนี้ในการทำธุรกิจต้องมีความมุ่งมั่น และต้องรักษาคำพูดกับเกษตรกร ดังนั้นการเตรียมความพร้อมของนักปรับปรุงพันธุ์พืชในสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักปรับปรุงพันธุ์พืชต้องมีใจรักในการทำงาน สามารถใช้เทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาช่วยงานได้ และที่สำคัญคือต้องยอมรับคำติชม และการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น นอกจากเตรียมความพร้อมที่ตัวนักปรับปรุงพันธุ์แล้ว ก็ต้องเตรียมรับมือกับสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงและการแข่งขันที่จะเกิดขึ้นด้วย
ด้านคุณลิขิต นิ่มตระกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปภพ จำกัด กล่าวว่า ก่อนที่จะเป็นนักธุรกิจอย่างเต็มตัว เริ่มจากเป็นผู้รับจ้างก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสีย ที่มีประสิทธิภาพด้วยกัน 2 ส่วนคือ บำบัดน้ำเสียจากโรงงานอุตสาหกรรม และกำจัดขยะจากโรงงานอุตสาหกรรม ส่วนจุดกำเนิดธุรกิจผลิตพลังงานของเสีย เริ่มเมื่อช่วงปี 2540 วิกฤติต้มยำกุ้งพอดี ซึ่งมีคู่แข่งจำนวนมาก แต่เราต้องสร้างความแตกต่างออกไป ขณะเดียวกันต้องลดต้นทุนในการผลิตเพิ่มขึ้น หลังจากทดลองมา 2 ปีได้ลูกค้า 1 ราย คือโรงงานทำขนมปัง ฟาร์มเฮ้าส์ที่ลาดกระบัง และต่อยอดโดยการนำเทคโนโลยีมาเป็นพลังงานหมุนเวียนและการจัดการสิ่งแวดล้อมเพื่อให้บริการแก่ลูกค้า จึงมุ่งมั่นศึกษาค้นคว้าวิจัยอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งสร้างนวัตกรรมที่สามารถเป็นประโยชน์ต่อสังคมโดยรวม ไม่มีผลเสียต่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งและไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งขณะนี้บริษัท ปภพ จำกัด ขยายเครือข่ายเติบโตเพื่อสนองตอบต่อความต้องการ และความพึงพอใจของลูกค้าในหลายประเภทธุรกิจมากยิ่งขึ้น
คุณเฉลิมพล ปุณโณทก กรรมการผู้จัดการ บริษัท CT Asia จำกัด กล่าวว่า บริษัท CT Asia ก่อตั้งจากอุดมการณ์ที่อยากเห็นประเทศไทยมีการพัฒนาด้านไอทีและเทคโนโลยีเป็นของตนเอง โดยเฉพาะด้านซอฟต์แวร์ Call Center โดยเริ่มต้นจากการสร้างแบรนด์ของตนเอง ซึ่งมีทั้งระบบที่เป็นโทรศัพท์แบบธรรมดาและแบบไอที และเริ่มส่งออกจำหน่ายต่างประเทศ ทำให้ขณะนี้มีกลุ่มลูกค้าต่างประเทศสนใจเป็นอย่างมาก จากซอฟต์แวร์ Call Center เผยแพร่ไปแล้ว จึงเกิดแนวคิดว่า คนไทยมีแชมเปี้ยนด้านหุ่นยนต์โลกจำนวนไม่น้อย ทางบริษัทจึงนำทีมงานจับมือกับวิศวกรหุ่นยนต์ แล้วตั้งบริษัทหุ่นยนต์ให้เป็นเวที จึงได้จัดตั้งบริษัท CT Asia Robotics ขึ้นเพื่อพัฒนาหุ่นยนต์ด้านบริการมนุษย์ ที่สามารถเสริฟอาหาร หยิบสิ่งของ รวมไปถึงไหว้และโบกมือได้ เป็นต้น ดังนั้นจึงเห็นได้ว่า การที่จะสร้างธุรกิจให้ผ่านพ้นปัญหาเศรษฐกิจต่างๆได้นั้น ต้องมีความมุงมั่นที่จะทำ และต้องทำให้เกิดความสำเร็จมากที่สุด