SMEsรุ่นใหม่ อยู่รอด ปรับตัว รุกขยาย พร้อมตั้งรับทุกสถานการณ์


การทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จมี 3 กลยุทธ์คือ 1.ตั้งรับ กับสถานการณ์ปัจจุบัน 2.ปรับตัวต่อสถานการณ์ต่างๆ 3.ลุกขยาย วางแผนขยายธุรกิจให้ก้าวหน้ากว่าเดิม ดังนั้นการธุรกิจถือว่าต้องมีการแข่งขัน ฉะนั้นเราไม่ได้แข่งขันอยู่ฝ่ายเดียว แต่ขณะเดียวกันต่างประเทศก็มีการแข่งขันเช่นกัน ซึ่งต้องพร้อมที่จะตั้งรับต่อความเสี่ยงและสถานการณ์นั้นให้ได้

อาจารย์มานิต รัตนสุวรรณกล่าวถึงการปรับตัวด้านธุรกิจเพื่ออยู่รอดว่า การประกอบธุรกิจให้ประสบความสำเร็จมี 3 กลยุทธ์ด้วยกันคือ 1.ตั้งรับ ไม่ว่าจะสถานการณ์เป็นอย่างไรควรตั้งรับกับเหตุการณ์นั้นได้ 2.ปรับตัว การปรับตัวต่อสถานการณ์ต่างๆย่อมทำให้ธุรกิจเดินหน้าต่อไปได้ 3.ลุกขยาย เมื่อตั้งรับ ปรับตัวแล้วต่อไปต้องวางแผนขยายธุรกิจให้ก้าวหน้ากว่าเดิม ดังนั้นการที่คิดจะไปตีตลาดโลกเพียงฝ่ายเดียวคงไม่มีอีกต่อไป เพราะตลาดโลกนั้นจะมาตีตลาดเราด้วย ฉะนั้นโอกาสของธุรกิจมีทั้ง 2 ด้าน คือ โอกาสของประเทศไทย และด้านของต่างประเทศ ด้วยเหตุนี้แม้ว่าโลกเปลี่ยน ตลาดก็เปลี่ยนตามไปด้วย ส่วนสิ่งสำคัญที่ทำให้ธุรกิจอยู่รอดคือการแข่งขัน ถ้าเขาคิดที่จะแข่งกันเรา เราจึงต้องคิดที่จะแข่งกับเขาด้วยเช่นกัน ถ้าไม่แข่งขันกับเขา อาจทำให้เกิดวิกฤติการณ์ ธุรกิจต่างประเทศเข้ามาเบียดธุรกิจไทยมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันนี้จะเห็นได้ว่าการทำธุรกิจผ่านสื่อออนไลน์ มักประสบความสำเร็จ เนื่องจากสื่อออนไลน์เป็นช่องทางที่ผู้คนสามารถเข้าถึงได้ง่าย และสะดวกยิ่งขึ้น ดังนั้นเราจำเป็นต้องหาช่องทางที่ดีให้แก่ธุรกิจตนเองด้วยเช่นกัน

อาจารย์มานิต กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลกระทบภาคธุรกิจในปัจจุบันของประเทศไทยส่วนใหญ่จะเป็นสถานการณ์ที่สับสน การเมืองไม่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้โรงแรมในกรุงเทพฯใกล้จะล้มละลาย แต่การท่องเที่ยวต่างจังหวัดอย่างพัทยายังมีนักท่องเที่ยวอยู่มาก เพราะนักท่องเที่ยวต่างบอกว่าไม่กลัวกับสถานการณ์ทางการเมืองของไทย ส่วนในเรื่องของธุรกิจห้างภายในประเทศไทยที่ใหญ่ที่สุดคือ Tesco Express ที่เมื่อก่อนมีเพียง 2 สาขา แต่ขณะนี้มีอยู่กว่า 300 สาขาเป็นอันดับ 2 ของโลก ซึ่งนำเงินเข้าอังกฤษได้เป็นอย่างมาก แต่สำหรับ 7-eleven ก็เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่เติบโตได้อย่างกว้างขวางเช่นกัน ถึงอย่างไรก็ตามศักยภาพประเทศไทยตอนนี้ซึ่งเห็นได้จากสินค้าของไทยเกี่ยวกับการเกษตรเป็นที่ได้เปรียบของต่างประเทศอยู่ ค่าแรงคนไทยก็ไม่แพง แต่ฝีมือคนไทยก็ไม่แพ้เช่นกัน อีกทั้งทรัพยากรทางด้านวัฒนธรรมไทยอย่างวัดต่างๆ ก็มีอยู่มาก และน้ำใจคนไทยก็มีอยู่เช่นกัน สิ่งเหล่านี้คือศักยภาพของประเทศไทยที่ยังคงอยู่ แม้ในด้านอุปสรรคของการทำธุรกิจนั้นย่อมสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกธุรกิจ ฉะนั้นต้องอย่ายอมแพ้ และสิ่งที่ต้องเตรียมตัวระวังกับสถานการณ์ตอนนี้คือ 1.ในเรื่องของตลาด ลูกค้าหาย การค้าซบเซา คู่แข่งรุกหนัก การต่อสู้รุนแรงขึ้น 2.การเงิน เริ่มฝืดเคือง สินค้าค้างสต็อก ต้นทุนสูง กำไรลด ราคาสินค้าไม่สามารถขึ้นได้ เพราะอาจจะเกิดสงครามเรื่องราคา 3.การผลิต ต้องเตรียมตัวปรับลดกำลังการผลิต ลดต้นทุน ลดการทำงาน อาจลดไปถึงคนงานได้ 4.การบริหาร การจัดซื้อ การจ้างงาน ปัญหาการเคืองภายในระบบการทำงาน 5.การลงทุนใหม่ การขยายงานต้องทบทวนใหม่ หากธุรกิจไหนหลบหลีกกับสถานการณ์เหล่านี้ได้ ก็จะเป็นผลดี เนื่องจากทำให้ธุรกิจสามารถเดินต่อไปได้อย่างราบรื่นขึ้น

พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส

อาจารย์มานิต กล่าวทิ้งท้ายเกี่ยวกับการทำธุรกิจในปัจจุบันว่า การทำธุรกิจต้องรู้จักตั้งรับ รู้จักหยุด รู้จักประมาณ อีกทั้งต้องมีการลงทุนอย่างฉลาด โดยหาข้อมุลการทำงานอย่างมีระบบ เพื่อควบคุมต้นทุนของธุรกิจให้ดี และลดค้าใช้จ่ายที่สิ้นเปลือง เพื่อรักษาสภาพการเงินให้คล่อง  ฉะนั้นการทำธุรกิจหากเป็นภาระต่อตนเองไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเงิน การลงทุน ให้หยุดเสียก่อน คิดทบทวน แล้วค่อยตัดสินใจเดินหน้าใหม่ ดังนั้นการสำรวจโอกาสในการธุรกิจของนักลงทุนหน้าใหม่ อย่างแรกควรสำรวจเรื่องสภาพการบริโภคความเป็นอยู่ของตนเอง สภาพการเงิน ค่าใช้จ่าย การลงทุน ตลอดจนการบริหารตลาดด้วยว่า ตนเองนั้นสามารถไปได้ถึงจุดไหน และที่สำคัญต้องมีการศึกษารายละเอียดก่อนการลงทุนเสมอ เมื่อการลงทุนเกิดขึ้นแล้ว สิ่งที่สำคัญการรักษาลูกค้าง่ายกว่าการที่จะหาลูกค้าใหม่ ด้วยเหตุนี้จึงจำเป็นต้องใกล้ชิตกับลูกค้า รู้จักสร้างเครือข่าย ต่อเพื่อน สังคม เพราะเมื่อธุรกิจเจอปัญหาหรืออุปสรรคต่างๆ เราสามารถจะได้ใช้เครือข่ายที่เราสร้างนี้ช่วยพยุงธุรกิจเราได้อีกทาง