กระทำผิดทางภาษี1 ล้านบาทขึ้นไป! เข้าข่ายฟอกเงิน


“สรรพากร” ระบุ วงเงินผู้กระทำผิดทางภาษีตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไป จะถือว่าเข้าข่ายความผิดกฎหมายอาญาและกฎหมายฟอกเงิน ย้ำมีอำนาจอายัดทรัพย์สินได้

นายอัครพล ทาแก้ว นิติกรชำนาญการ กรมสรรพากร กล่าวว่า การแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากรที่กำหนดให้อธิบดีกรมสรรพากร มีอำนาจยึดหรืออายัดทรัพย์สินเป็นการชั่วคราว สำหรับการกระทำความผิดอาญาฐานหลีกเลี่ยงหรือฉ้อโกงภาษี ในทำนองเดียวกันกับการยึด หรืออายัดทรัพย์สิน สำหรับการกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการฟอกเงิน จะทำให้ผู้ที่กระทำผิดทางภาษีตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไป เข้าข่ายความผิดอาญา และกฎหมายฟอกเงิน ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 26 เม.ย.ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากรเพื่อรองรับการปฏิบัติตามมาตรฐานสากล ด้านการป้องกันปราบปรามการฟอกเงินและการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายของ Financial Action Task Force (FATF) ซึ่งไทยจะรับการประเมินดังกล่าวในปีนี้

ซึ่งในร่างแก้ไขประมวลรัษฎากรดังกล่าว จะกำหนดวงเงินการกระทำความผิด ที่เข้าข่ายตามร่างแก้ไขกฎหมายฉบับนี้ คือ เป็นการกระทำทำนองเดียวกับการฟอกเงิน คือ กรณี 1.การหลีกเลี่ยงภาษี โดยการกระทำให้รายได้น้อยกว่าปกติ เพื่อให้เสียภาษีน้อยลง ซึ่งกรณีนี้ หากมียอดสะสมของการหลีกเลี่ยงภาษีตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป เข้าข่ายความผิดตามกฎหมาย ขณะที่กรณีการขอคืนภาษีอันเป็นเท็จตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไป ถือว่าเข้าข่ายตามกฎหมายฉบับนี้ ซึ่งกรณีการขอคืนภาษีอันเท็จ กำหนดวงเงินความผิดค่อนข้างต่ำ เพราะถือเป็นการล้วงเงินในกระเป๋าจากรัฐโดยตรง ซึ่งที่ผ่านมากรมสรรพากร เคยมีกรณีการขอคืนภาษีอันเป็นเท็จ สร้างความเสียหายให้แก่รัฐไปกว่า 4 พันล้านบาท