สมคิด ปาฐกถาอนาคตของเอเชียระหว่างการโรดโชว์ญี่ปุ่น


สมคิด ปาฐกถาอนาคตของเอเชียระหว่างการโรดโชว์ญี่ปุ่น

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาระหว่างการโรดโชว์ญี่ปุ่น ในเวทีนิคเคอิ ฟอรั่ม ครั้งที่ 22 ในหัวข้อ อนาคตของเอเชีย หรือ International Conference on the Future of Asia จัดโดยหนังสือพิมพ์นิคเคอิของญี่ปุ่น ที่กรุงโตเกียว มีนักธุรกิจญี่ปุ่นและนักธุรกิจจากประเทศต่างๆ ในเอเชียเข้าร่วมรับฟัง เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม

โดยรองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถือเป็นการมาอย่างเป็นทางการครั้งที่สองในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา สำหรับครั้งแรกผมเลือกมาเยือนญี่ปุ่นเป็นประเทศแรกหลังเข้ารับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาเป็นช่วงที่เศรษฐกิจโลกกำลังถดถอยและเปราะบาง แต่ละประเทศจึงทยอยปรับตัวเลขประมาณการทางเศรษฐกิจ ไม่เว้นประเทศไทย แต่ไทยโชคดีที่รัฐบาลเตรียมการรับสถานการณ์ล่วงหน้ามาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว

ซึ่งได้กำหนดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและเตรียมโครงการลงทุนไว้ล่วงหน้า ขณะที่การส่งออกแม้จะถูกกระทบจากเศรษฐกิจโลก แต่ด้วยความหลากหลายของสินค้าส่งออกและฐานการตลาดที่แข็งแรง การส่งออกยังสามารถขยายตัวได้ 0.9% ในไตรมาสหนึ่ง ขณะที่การลงทุนภาครัฐ การลงทุนจากต่างประเทศ และภาวการณ์ท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างน่าพอใจ ส่งผลให้เศรษฐกิจไตรมาสแรกขยายตัวเพิ่มขึ้น 3.2% และค่อนข้างมั่นใจว่าตลอดปีการเติบโตทางเศรษฐกิจจะสามารถฟื้นตัวโดยลำดับ

เพราะช่วงเวลาจากนี้ไปจนถึงสิ้นปี เม็ดเงินจำนวนมากจะทยอยลงสู่ระบบเศรษฐกิจจากการเร่งการใช้จ่ายของงบประมาณ การเริ่มต้นของโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่หลากหลายโครงการ อีกทั้งการท่องเที่ยวที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะส่งผลให้เศรษฐกิจปีนี้ขยายตัว 3.3-3.5% เมื่อเทียบกับการเติบโต 0.8% ในปี 2557 และ 2.8% ในปีที่ผ่านมา สะท้อนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศโดยลำดับ ขณะที่ระดับหนี้สาธารณะมีเพียง 45% ของจีดีพี และระดับการว่างงานเพียง 0.9%

ในฐานะผู้กำกับดูแลเศรษฐกิจ ขอชี้แจงว่าสิ่งสำคัญกว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจระยะสั้น คือนโยบายแห่งรัฐที่จะพัฒนาอย่างไรจึงจะให้สามารถเติบโตอย่างยั่งยืนภายใต้สภาพความท้าทายของโลกในอนาคตข้างหน้า ประเทศไทยช่วง 2 ปีที่ผ่านมาภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ปรากฏจุดเปลี่ยนที่สำคัญ 3 ประการ ที่จะช่วยสร้างความมั่นใจได้ว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศสามารถดำรงอยู่ได้อย่างยั่งยืน