14.26 น. ทีมช้างศึกแข้งไทย รับอัดฉีด คนละ 1.1 ล้าน


พล.ต.ท.พิสัณห์ จุลดิลก เลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการพิจารณาอนุมัติเงินสนับสนุนและเงินรางวัลทีมฟุตบอลทีมชาติไทย ประชุมคณะกรรมการฯ ที่โรงแรมดิ เอมเมอรัลด์ เมื่อ 20 มิ.ย. เพื่อแบ่งเงินอัดฉีดทีมฟุตบอลชาติไทย จาก 2 รายการ คือ เข้ารอบ 12 ทีมสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2018 โซนเอเชีย จำนวน 30,000,000 บาท และ คว้าแชมป์ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน “คิงสคัพ” จำนวน 6,750,000 บาท รวม 36,750,000 บาท

หลังการประชุม พล.ต.ท.พิสัณห์ กล่าวว่า เงินจำนวนนี้ จะแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ นักฟุตบอล 70 เปอร์เซ็นต์ หารเท่ากันในแต่ละเกม และให้สตาฟฟ์โค้ช 30 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งหลักเกณฑ์นี้ เป็นไปตามเกณฑ์เดิมที่ทีมงานของ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง หัวหน้าโค้ชทีมชาติไทย กำหนดไว้ และได้ตกลงร่วมกับนักฟุตบอลไว้แล้ว น่าจะมีการมอบกันภายในสัปดาห์หน้า ซึ่งหลังจากแบ่งเงินเรียบร้อยแล้วจะทำการหักภาษีคนละ 5 เปอร์เซ็นต์ ตามกฎของสรรพากร จะมีการออกใบกำกับภาษีให้นักเตะและทีมงานทุกคน อย่างไรก็ตาม ในการอัดฉีดครั้งต่อไปของทีมชาติไทยทุกชุด จะเปลี่ยนมาใช้ นักฟุตบอล 80 เปอร์เซ็นต์ และทีมสตาฟฟ์โค้ช 20 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากคณะกรรมการฯ เห็นว่า โค้ชซิโก้ รวมทั้งสตาฟฟ์โค้ช มีรายได้จากสมาคมฯ ทุกเดือนอยู่แล้ว อีกทั้งจำนวนคนที่แบ่งกันก็น้อยกว่านักฟุตบอล

จากการหลักเกณฑ์แบ่งเงินอัดฉีดฟุตบอลโลก และ คิงสคัพนั้น ทำให้กลุ่มนักเตะจะได้ 25,724,994 บาท นักเตะที่ติดทีมครบทุกนัดจากทั้ง 2 รายการ จะได้คนละ 1,118,478 บาท ส่วนสตาฟฟ์โค้ชได้รวมทั้งสิ้น 11,025,000 บาท โค้ชซิโก้ เป็นผู้จัดสรรเอง ซึ่ง ซิโก้ จะได้รับไม่ต่ำกว่าของนักเตะ