พ.ร.บ.หลักประกันฯหนุน SMEs เข้าถึงแหล่งทุน


พ.ร.บ.หลักประกันฯหนุน SMEs เข้าถึงแหล่งทุน

พ.ร.บ.หลักประกันทางธุรกิจหนุน SMEs ให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้เพิ่มมากขึ้น โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 2 ก.ค. 2559 ที่จะถึงนี้

นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า พ.ร.บ.หลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ.2558 จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 2 ก.ค. 2559 ที่จะถึงนี้ โดยถือเป็นกฎหมายที่สำคัญอีกฉบับหนึ่งในหลายๆ กฎหมายของประเทศไทย ที่จะเข้ามาช่วยผลักดันและสร้างการเติบโตให้กับผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (SMEs) ของไทย และยังช่วยปิดจุดอ่อน และสร้างทางเลือก ในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ซึ่งถือเป็นปัญหาหลักของ SMEs ไทย ในช่วงที่ผ่านมา

ในอดีตปัญหาสำคัญของ SMEs ไทยอย่างหนึ่งคือ การเข้าถึงแหล่งเงินทุน เพราะแม้จะมีความคิด มีไอเดียในการประกอบธุรกิจ แต่มักจะจนมุมในเรื่องของแหล่งเงินทุนที่เข้าถึงได้ยาก เพราะการจะเข้าถึงแหล่งเงินทุน ก็ต้องมีหลักทรัพย์ไปค้ำประกัน เพื่อขอกู้เงินจากแบงก์ แต่ พ.ร.บ.หลักประกันทางธุรกิจ ที่กำลังจะมีผลบังคับใช้นี้จะช่วยพลิกโฉมในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของ SMEs ชนิดที่เรียกว่าหน้ามือเป็นหลังมือ

กฎหมายฉบับนี้จะช่วย SMEs ที่มีอยู่ในระบบกว่า 2.8 ล้านราย ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้เพิ่มมากขึ้น โดยสามารถนำทรัพย์สินที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจที่มีอยู่ในการประกอบกิจการ มาใช้เป็นหลักประกันการชำระหนี้ได้ โดยไม่ต้องส่งมอบทรัพย์สิน และสามารถใช้ทรัพย์สินนั้นไปผลิตเป็นสินค้า หรือบริการเพื่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มได้ ผิดจากเดิมที่ต้องใช้หลักทรัพย์ที่เป็นอสังหาริมทรัพย์ และสังหาริมทรัพย์ที่มีทะเบียนบางประเภทเท่านั้น ที่จะสามารถนำไปใช้เป็นหลักประกันในการขอกู้เงิน

พร้อมปลดล็อกข้อจำกัดที่มีอยู่ทั้งหมด สามารถใช้ทรัพย์สินที่มีอยู่ในกิจการ เช่น วัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตสินค้า สินค้าคงคลัง หรือ ลูกหนี้การค้า รวมถึงทรัพย์สินทางปัญญา เช่น ลิขสิทธิ์ สิทธิบัตร เครื่องหมายการค้า เป็นต้น ไปใช้ค้ำประกันในการขอกู้เงินจากแบงก์ได้ และไม่ต้องส่งมอบทรัพย์สิน ยังสามารถใช้ทรัพย์สินที่มีอยู่ไปประกอบกิจการต่อไปได้ ทำให้มีเงินทุนในการประกอบธุรกิจ และไม่ต้องหันไปพึ่งเงินทุนนอกระบบ ซึ่งมีแต่สร้างปัญหาให้แก่ธุรกิจและปัญหาต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ