“ธปท.” ประเมินเอ็นพีแอลพุ่ง แบงก์รับมือไหว


“ธปท.” ประเมินเอ็นพีแอลพุ่ง แบงก์รับมือไหว

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุเอ็นพีแอล ครึ่งปีแรกพุ่ง 11.14% ฉุดกำไรแบงก์ทั้งระบบลดเหลือเพียง 5%  เหตุส่วนใหญ่เป็นลูกหนี้รายย่อย และ ลูกหนี้รายเดิม

นางทองอุไร ลิ้มปิติ รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า เอ็นพีแอลที่เพิ่มขึ้น ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2559 ไม่ได้อยู่ในระดับที่น่าเป็นห่วง ส่วนใหญ่เป็นเอ็นพีแอลของลูกหนี้รายย่อยหรือเอสเอ็มอี ที่ขยับขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจ และเอ็นพีแอลส่วนใหญ่เป็นลูกหนี้รายเดิม

ทั้งนี้ พบว่าผลประกอบการของธนาคารพาณิชย์/งวดครึ่งแรกของปี 2559 ปรับลดลงกว่า 5% ส่วนใหญ่เกิดจากการตั้งสำรองเพิ่มขึ้น ตามตัวเลขหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ที่สูงขึ้น 11.14% เมื่อเทียบกับสิ้นปีที่ผ่านมา โดยธนาคารขนาดใหญ่ ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกรุงเทพ และ ธนาคารกสิกรไทย ที่มีเอ็นพีแอลเพิ่มขึ้น 25%, 21% และ15% ตามลำดับ แม้เอ็นพีแอล ในช่วงที่ผ่านมาจะสูงขึ้น แต่สถาบันการเงินหลายแห่งยืนยันว่า การเติบโตของเอ็นพีแอลมีอัตราเร่งชะลอตัว แต่มีโอกาสขยับขึ้นได้อีก

อย่างไรก็ตาม ลูกหนี้ใหม่ ทางธนาคารพาณิชย์ได้มีการดูแลอยู่แล้ว ซึ่งระดับการกันสำรองของธนาคารส่วนใหญ่จะสูงกว่าที่ ธปท.กำหนด จึงไม่น่าเป็นกังวล แต่ก็ยอมรับว่า แนวโน้มเอ็นพีแอลยังคงสูงขึ้น แต่ด้วยระดับการกันสำรอง/จึงน่าจะรองรับความเสี่ยงดังกล่าวได้

ด้านเครดิตสวิส ธนาคารชั้นนำของโลก ระบุว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/59 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ไทย ออกมาใกล้เคียงกับที่ฝ่ายวิจัยคาดการณ์ไว้ และมองว่ารอบการปรับลดลงได้สิ้นสุดลงแล้ว เริ่มแสดงให้เห็นถึงสัญญาณความมีเสถียรภาพของสินทรัพย์ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ไทย แม้ว่าเอ็นพีเอลไตรมาส 2 ที่ขยับขึ้น 3.7% จากไตรมาสก่อนหน้า/ แต่เป็นการปรับเพิ่มขึ้นช้าสุดในรอบ 6 ไตรมาส โดยต้นทุนสินเชื่อเริ่มคงที่