“สมคิด” ย้ำ นายกฯ อยากให้เอสเอ็มอีรู้จักทำธุรกิจ


รองนายกรัฐมนตรี เผย /ตลอดระยะเวลากว่า 10 เดือน ที่เข้ามาช่วยงานรัฐบาล/พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.อยากให้แปรรูปเพิ่มมูลค่า และคิดว่าจะทำอย่างไร จะให้เกิดเกษตรกรที่เป็นเอสเอ็มอี

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลากว่า 10 เดือนที่เข้ามาช่วยงาน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. เห็นนายกทำงานด้วยความทุ่มเท ถามคำถามในรายละเอียดทุกเรื่องของมติครม.และ ทุกคนรู้ว่าปีที่ผ่านมาเกษตรกรรายได้แย่ รัฐบาลไม่เอาโครงการรับจำนำข้าวเพราะทุจริตสูง

จึงคิดว่าจะทำอย่างไรที่จะช่วยรากหญ้าให้ได้ ซึ่งเมื่อพูดถึงรากหญ้าเกษตรกรจะมาก่อน ดังนั้น จึงมีโครงการที่ส่งเงินผ่านทางกองทุนหมู่บ้าน กระทรวงมหาดไทย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และธนาคารออมสิน รวมแล้วหลายแสนล้านบาท

ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรี ก็ไม่อยากจะให้เกษตรกรจนไปเรื่อยๆ ราคาข้าว ผักผลไม้จะถูกลงไปเรื่อยๆ นายกรัฐมนตรีจึงอยากให้แปรรูปเพิ่มมูลค่า จึงคิดว่าจะทำอย่างไรให้เกิดเกษตรกรที่เป็นเอสเอ็มอี/ขึ้นมารู้จักการทำธุรกิจบนฐานเกษตรกรรรม

ซึ่งการเมืองปกติไม่เปิดโอกาสให้ใช้นโยบายแบบนี้ เพราะอะไรได้ผลสำหรับเลือกตั้งจะทำก่อน แต่การวางรากฐานระยะยาวทำได้ยาก ลองไปไล่งานที่รัฐบาลชุดนี้ทำมาดู ว่าออกมาตรการช่วยคนจนมากี่เรื่อง ย้อนกลับไป 5 ปีที่แล้วรวมกันยังไม่เท่าตรงนี้เลย ดังนั้นคนที่วิจารณ์ขอให้คิดใหม่

ส่วนการลงประชามติในวันที่ 7 ส.ค.นี้ หลายฝ่ายมีความกังวล เกิดความตึงเครียดจนบดบังสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นกับประเทศ ทั้งเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวดีขึ้น การส่งออกขยายตัวติดลบน้อยลง ดีสุดในบรรดาประเทศส่งออกด้วยกัน ตลาดหุ้นมีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด หอการค้าญี่ปุ่น หรือเจโทรประกาศดัชนีความเชื่อมั่นของไทยสูงเป็นประวัติการณ์ ทั้งหมดถูกกลบเพียงแค่รัฐธรรมนูญจะผ่านไม่ผ่าน

อยากให้ลองย้อนกลับไปดูภาพเมื่อ 2 ปีที่แล้วว่าก้าวข้ามออกมาจากเหตุการณ์อย่างไรกัน เราจะกลับไปสู่ความขัดแย้งกันเหมือนในอดีตมั้ย ดังนั้น สังคมต้องมีความศรัทราและความเชื่อถือระหว่างกันให้มากกว่าเดิมบ้านเมืองจะค่อยๆ ขึ้น บ้านเมืองต้องมาก่อน ส่วนตัวต้องมาทีหลัง ถ้าบ้านเมืองอยู่ไม่ได้ สังคมอยู่ไม่ได้ ส่วนตัวก็อยู่ไม่ได้