เอกชนหวังเลือกตั้งปี 60สร้างความเชื่อมั่นนักลงทุน


เอกชนหวังเลือกตั้งปี 60สร้างความเชื่อมั่นนักลงทุน

ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย มั่นใจรัฐทำตามสัญญาเลือกตั้งปี 60 หวังช่วยเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างชาติ

นายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผย ไม่ว่าการลงมติร่างรัฐธรรมนูญจะผ่านหรือไม่ผ่าน เอกชนคาดหวังว่า การเลือกตั้งจะต้องเป็นไปตามโรดแม็พในปี 60 จะช่วยเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างชาติ ทางกลับกันหากการเลือกตั้งไม่เป็นไปตามโรดแม็พ เชื่อว่าจะส่งผลกระทบกับความเชื่อนักลงทุน หากรัฐบาลไม่มีเหตุผลในการชี้แจงที่เหมาะสมเพียงพอ และระหว่างรอการเลือกตั้งปีหน้า ต้องการให้รัฐบาลปฏิรูปประเทศหลายๆอย่าง ควบคู่กันไป เช่น ปฏิรูประบบการอำนวยความสะดวกในการลงทุน ปฏิรูปการศึกษา ปฏิรูปตำรวจ

ตอนนี้อยากให้รัฐบาลเร่งการลงทุนของภาครัฐอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งขณะนี้ต้องยอมรับว่า คืบหน้าไปมาก รวมทั้งการลงทุนอื่นๆ เพราะหากภาครัฐลงทุนต่อเนื่อง ภาคเอกชนก็จะลงทุนตามมาเช่นกัน รวมทั้งส่งเสริมภาคการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันเศรษฐกิจไทย ทดแทนเศรษฐกิจโลก ที่ยังมีความผันผวนและเปราะบางอย่างมาก โดยยังมองว่า จีดีพีปีนี้จะขยายตัวในกรอบ 3-3.5% ขณะที่ภาคการส่งออก จะอยู่ในกรอบติดลบ 2 ถึง 0%

ด้านนายนพพร เทพสิทธา ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) กล่าวว่า การลงประชามติในครั้งนี้ หากได้ข้อสรุปรับร่างรัฐธรรมนูญ ก็เป็นไปตามเจตนารมณ์ของภาคเอกชน ที่ต้องการให้มีกฎหมายสกัดกั้นนักการเมืองน้ำเน่าให้ออกจากวงการเมือง ทำให้การปฏิรูปประเทศให้ได้รวดเร็วขึ้น

ซึ่งเอกชนอยากเห็นนักการเมืองหน้าใหม่ที่ไม่กอบโกยเข้ามาสู่เวทีทางการเมือง จะทำให้การปฏิรูปการเมืองและเศรษฐกิจเดินหน้าไปได้อย่างรวดเร็ว โดยเอกชนต้องการให้คงเจตนารมณ์ที่ต้องการให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คงกฎหมายป้องกันนักการเมืองเข้ามาทุจริต หากนักการเมืองทำผิดก็ไม่ควรเข้ามาอยู่ในวงการเมืองต่อไป

เพราะหากได้นักการเมืองที่ไม่ดีเข้ามาในสภามากๆ ก็จะเป็นตัวถ่วงในการปฏิรูปประเทศ และการพัฒนาเศรษฐกิจ ซึ่งในยุคของพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี แม้ว่าไม่มีประชาธิปไตยเต็มใบ แต่บ้านเมืองและเศรษฐกิจก็พัฒนาไปได้อย่างรวดเร็ว ต่อมาให้อำนาจนักการเมืองมีอำนาจเต็มที่ทุกอย่างก็ถดถอยลง ดังนั้นไม่ว่าจะนำรัฐธรรมนูญฉบับใดมาแก้ไข ก็ต้องคงกฎหมายป้องกันนักการเมืองโกงกินอย่างเข้มงวด