“เรสคิว เซ็นเตอร์ ” ช่วยดึงเอสเอ็มอีติดหล่มให้ได้ไปต่อ


“เรสคิว เซ็นเตอร์ ” ช่วยดึงเอสเอ็มอีติดหล่มให้ได้ไปต่อ

ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยถึงความคืบหน้าการเปิดศูนย์ เรสคิว เซ็นเตอร์ โดยได้เตรียมเตรียมว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญในการวิเคราะห์สถานะผู้ประกอบการเอสเอ็มอี วางแผนทุกอย่างอย่างเข้มข้น เพื่อให้โผล่พ้นน้ำได้จริง

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ที่ปรึกษารมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยถึงความคืบหน้าการเปิดศูนย์ช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี (เรสคิว เซ็นเตอร์) ล่าสุดเตรียมว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญในการวิเคราะห์สถานะผู้ประกอบการเอสเอ็มอี มาประจำศูนย์ โดยจะคัดเลือกจากเจ้าหน้าที่ที่เกษียณอายุจากหน่วยงานสำคัญ ๆ เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ เพื่อให้การคัดกรองเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

ขณะที่การปล่อยช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี วงเงิน 3,000 ล้านบาท ปลอดดอกเบี้ย 7 ปี รายละไม่เกิน 1 ล้านบาท คาดว่าจะทยอยช่วยเหลือผู้ประกอบการได้ 4,000-5,000 ราย ภายในสิ้นปี

สำหรับวิธีการช่วยเหลือระยะแรก จะช่วยผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่พอมีศักยภาพในการทำธุรกิจต่อ แต่ติดปัญหาการเข้าถึงแหล่งเงินทุน เพื่อให้ธุรกิจกลับมาเดินหน้า และกลับเข้าไปถึงสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ได้ตามปกติ หรือเรียกว่า กลุ่มวางแผนทุกอย่างอย่างเข้มข้น เพื่อให้โผล่พ้นน้ำได้จริง ส่วนอีกกลุ่ม วิเคราะห์แล้วว่า ทำธุรกิจเดิมไปต่อได้ยาก ก็จะเข้าไปวิเคราะห์จากศักยภาพที่มีอยู่ แล้วอาจให้เปลี่ยนการทำธุรกิจ เช่น เดิมทำร้านเช่าวิดีโอ ซึ่งคนเลิกนิยมแล้ว แต่มีตึกแถวติดริมถนน อาจแนะนำให้ไปทำธุรกิจอื่น เช่น ฟิตเนสขนาดเล็ก หรือเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวแฟรนไชส์

ทั้งนี้การแก้ปัญหาผู้ประกอบการเอสเอ็มอี กลุ่มที่ต้องฟื้นฟูกิจการ จะต้องใช้ระยะเวลาหนึ่ง เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ต้องวิเคราะห์และให้ความช่วยเหลืออย่างเข้มข้น เพราะไม่ต้องการให้การช่วยเหลือเรื่องเงินลงไปแบบไม่มีประโยชน์ จึงต้องใช้เวลา แต่ทางศูนย์ฯก็ไม่ได้ละเลยในการแก้ปัญหา