ศูนย์วิจัยฯ แนะธุรกิจอาหารไทยปักหมุดครัวเวียดนาม


ศูนย์วิจัยฯ แนะธุรกิจอาหารไทยปักหมุดครัวเวียดนาม

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ EIC ระบุถึงกลุ่มธุรกิจที่น่าเข้าไปลงทุนในเวียดนาม ว่า กลุ่มร้านอาหารนับเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่มีศักยภาพเติบโตสูง โดยมีมูลค่าตลาดอยู่ราว 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มีการเติบโตโดยเฉลี่ยราว 6-7% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา

ประกอบกับเวียดนาม มีขนาดตลาดที่ใหญ่ด้วยประชากรราว 92 ล้านคน และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเป็น 110 ล้านคนจากการคาดการณ์ของ World Bank อีกทั้งพัฒนาการของสังคมเมืองที่จะส่งผลให้ urbanization rate (เออร์เบิร์นไนซ์เซชั่น เรท) เติบโตขึ้นเป็น 54% ภายในปี 2050 จาก 34% ในปี 2015 ตลอดจนการเติบโตของกลุ่ม middle income ที่ช่วยให้การบริโภคมีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้น

ปัจจัยที่กล่าวมานี้ ทำให้เวียดนามกลายเป็นประเทศเป้าหมายที่นักลงทุนเลือกที่จะเข้าไปปักหมุดเพื่อดำเนินธุรกิจประเภทร้านอาหาร อย่างไรก็ดี คำถามที่ตามมาคือการลงทุนนั้นควรจะดำเนินไปในลักษณะใด ร้านอาหารประเภทไหนที่จะตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของชาวเวียดนาม

ทั้งนี้ ในปัจจุบันรูปแบบธุรกิจร้านอาหารในเวียดนามโดยทั่วไปมีหลากหลายประเภท และเจาะกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกัน โดยร้านอาหารกลุ่มแรกจะเน้นลูกค้าทั่วไปและนักเรียนนักศึกษา ซึ่งจะเน้นขายอาหารท้องถิ่น เช่น ข้าวและก๋วยเตี๋ยวในราคาไม่แพงราว 30-50 บาทต่อจาน ส่วนร้านอาหารกลุ่มที่สองจะเน้นลูกค้า middle income อย่างพนักงานบริษัท โดยจะขายอาหารที่มีความหลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอาหารท้องถิ่น อาหารไทย อาหารจีน หรืออาหารตะวันตก ซึ่งราคาจะสูงขึ้นอยู่ที่ราว 70-150 บาทต่อจาน

ขณะที่ร้านอาหารกลุ่มที่สาม จะเน้นลูกค้าเฉพาะกลุ่ม ซึ่งจะขายอาหารที่มีความพิเศษหรือมีความหรูหรามากขึ้น โดยที่ราคาอาหารก็จะสูงมากขึ้นตามไปด้วย นอกจากนี้ ยังมีร้านอาหารที่ขายเครื่องดื่มและขนมหวานโดยเฉพาะ

โดยภาพรวมร้านอาหารในเวียดนามมากกว่า 95% เป็นแบบ non-chained (จำนวนสาขาน้อยกว่า 10 สาขา) ทั้งในแง่มูลค่าตลาด และจำนวนร้านค้า ขณะที่ร้านอาหารประเภท chained (จำนวนสาขามากกว่า 10 สาขา) แม้ว่าจะเป็นสัดส่วนที่น้อยแต่ยังคงมีแนวโน้มเติบโต โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เติบโตถึงราว 22% ต่อปี

ทั้งนี้ การทำธุรกิจร้านอาหารในเวียดนามถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่มีความน่าสนใจโดยเฉพาะอาหารไทย อย่างสุกี้และหม้อไฟ ซึ่งเป็นอาหารที่ถูกปากชาวเวียดนาม ซึ่งกลยุทธ์ที่สำคัญคือจะต้องเน้นกลุ่ม middle income และเน้นการขยายสาขาไปตามแหล่งออฟฟิศ ซึ่งเป็นตลาดที่กำลังเติบโตดี

อย่างไรก็ดี ต้องไม่ลืมให้ความสำคัญกับการนำเสนออาหารที่มีคุณภาพ มีประโยชน์และถูกสุขอนามัยในราคาที่เหมาะสม  รวมถึงการทำการตลาดผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย อย่าง Facebook ก็เป็นอีกกลยุทธ์ที่น่าสนใจ เพราะนอกจากจะช่วยสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักแล้ว ยังช่วยสร้าง brand loyalty แก่ตัวธุรกิจอีกด้วย