คอทองแดง-สิงห์อมควัน ประกาศสู้แม้ปรับเพดานภาษีสูง


ผศ.ดร.สันติกร ภมรปฐมกุล ผู้ช่วยคณบดีด้านยุทธศาสตร์ต่างประเทศ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี เปิดเผยในรายการตอบโจทย์SME ว่า

การปรับเพดานภาษีสรรพสามิตในครั้งนี้ ปรับขึ้นเพื่อเพิ่มเพดานให้สูงขึ้นเท่านั้น เพราะเพดานที่ใช้ ณ ปัจจุบันเริ่มเต็มเพดานและใช้มานานแล้ว ดังนั้นการปรับเพดานภาษีใหม่ สามารถใช้ไปจนถึงปี 2580 ซึ่งอาจารย์ได้ให้ข้อมูลในการแยกแยะแก่ประชาชนว่าต้องเข้าใจคำว่าเพดานภาษี กับ อัตราภาษี โดยอัตราภาษีคือภาษีที่ต้องจัดเก็บ ณ ปัจจุบัน ที่ภาครัฐยังไม่ได้ประกาศออกมา จึงอยากให้ประชาชนมองว่า การจัดเก็บภาษีนี้รัฐบาลไม่ได้เอารัดเอาเปรียบประชาชน แต่ตั้งใจปรับโครงสร้างภาษีให้มีความโปร่งใส คือ การเปลี่ยนมาจัดเก็บภาษีตามราคาขายปลีกแนะนำ ที่จะสะท้อนว่า ผู้บริโภคจะเห็นว่าตนเองจ่ายภาษีแก่สินค้าเหล่านี้เท่าไหร่ โดยกฎหมายใหม่นี้จะรวมทั้งดีกรีและราคาเข้าด้วยกันและจัดเก็บทีเดียว หรือเรียกอีกอย่างว่าบูรณาการภาษี ซึ่งหากกฎหมายประกาศออกมา ผู้บริโภคจะทราบทันทีว่า เบียร์ราคาเท่านี้ ดีกรีเท่านี้ เสียภาษีเท่าไหร่ และจะทำให้ประชาชนหรือผู้บริโภคจะหันไปยังสินค้าที่มีดีกรีน้อยลงได้

นอกจากนี้ ยังได้ให้มุมมองถึงผู้ผลิตที่หากผลิตเครื่องดื่มที่มีดีกรีมากก็จะเสียภาษีมาก ซึ่งที่ผ่านมาร้านค้าที่ขายแก่ผู้บริโภคจะได้เปรียบมากกว่าเนื่องจากไม่ได้เป็นผู้ถูกเก็บภาษีจากสรรพสามิต ดังนั้น หากกฎหมายใหม่ออกมาแล้วนั้น ค้าปลีกอาจจะไม่สามารถขยับราคาได้อีกแล้ว เนื่องจากกรมสรรพสามิตได้กำหนดราคาขายปลีกแนะนำเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และหากจำหน่ายราคาที่สูงกว่ากรมกำหนดอาจจะให้ผู้บริโภคหันไปซื้อที่ร้านอื่นๆแทน ส่วนการปรับอัตราภาษีครั้งใหม่นี้อาจจะปรับขึ้นเล็กน้อย โดยผู้บริโภคจะได้รับผลกระทบแค่ช่วงแรกๆหลังจากนั้นจะปรับตัวได้และเมื่อผู้บริโภคปรับตัวได้ รัฐจะปรับอัตราภาษีขึ้นอีกตามสภาวการณ์ ณ ตอนนั้น

โดยกลุ่มที่ได้ผลกระทบมากที่สุดคือ กลุ่มผู้มีรายได้น้อย เนื่องจากกลุ่มนี้บริโภคเหล้าขายที่ดีกรีสูงและราคาถูก และติดเพดานภาษีเดิม จึงเปลี่ยนใหม่ที่คิดการเก็บภาษีตามดีกรี ทำให้คนกลุ่มนี้ต้องหันไปดื่มเครื่องดื่มที่มีดีกรีน้อยลงหรือลดบริโภคดีดรีสูงแต่น้อยลง

นอกจากนี้ สถานบันเทิงอาจจะฉวยโอกาสนี้ในการขึ้นราคาได้ ซึ่งอาจารย์ได้ให้ข้อมูลว่าการขึ้นภาษีครั้งใหม่นี้ ไม่เกี่ยวกับการขึ้นภาษี แต่ขึ้นกับกลยุทธ์ของผู้ประกอบการเอง ดังนั้น ผู้บริโภคสามารถที่จะเลือกบริโภคหรือไม่บริโภคก็ได้ จึงอยากให้ผู้บริโภคเข้าใจว่าหากเข้าสถานบันเทิงหลังจากวันที่ 16 ก.ย.60นี้ แล้วราคาสูงขึ้น ให้เข้าใจว่าผู้บริโภคไม่ได้เสียภาษีให้รัฐบาล แต่เป็นการเสียเงินให้ผู้ประกอบการ รวมไปถึง หากกฎหมายลูกออกมาอาจจะมีกฎหมายที่ควบคุมราคาขายก็เป็นได้ อย่างกรมการค้าภายในที่คอยคุมราคาสินค้าและบริการอื่นๆ

ทั้งนี้ ประเด็นที่กล่าวหาว่ารัฐบาลถังแตกจึงได้มีการจัดเก็บภาษีใหม่ อาจารย์ให้มุมมองว่า รัฐบาลไม่ได้ถังแตกแต่ไม่ได้ร่ำรวย สังเกตได้จาก คสช.เข้ามา ได้มีการประหยัดงบมากขึ้นและมีโครงการใหญ่ๆเกิดขึ้นและมีทิศทางที่ดี ที่จะเป็นประโยชน์ในระยะยาว ที่มองเห็นผลได้แน่นอนในอนาคต ซึ่งแตกต่างจากรัฐบาลชุดก่อนๆที่เน้นโครงการระยะสั้น เก็บเกี่ยวผลได้แค่ครั้งสองครั้ง และไม่ยั่งยืน

นอกจากนี้ ทีมรายการตอบโจทย์ SME ยังได้ลงพื้นที่ในการสอบถามไปยังผู้ค้าปลีกค้าส่งและผู้บริโภค ได้ข้อสรุปว่า ถึงแม้ว่าวันที่ 16 ก.ย.60 จะมีอัตราการจัดเก็บภาษีใหม่จะเกิดขึ้น จะกระทบต่อผู้บริโภคช่วงระยะแรกๆเท่านั้น หลังจากนั้นประมาณ 1-2อาทิตย์ก็จะกลับมาบริโภคเช่นเดิม เนื่องจากพฤติกรรมการดื่มและสูบสินค้าสรรพสามิตนั้น เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของคนไทยไปแล้วนั่นเอง