เริ่มสตาร์ท! กองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีประเดิมปล่อย 2 รายแรก วงเงิน 13 ล้าน


ปธ.ธพว.เผยคืบหน้ากองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีฯ และสินเชื่อ SMEs Transformation Loan เริ่มปล่อยสำเร็จแล้ว ประเดิม 2 รายแรกของประเทศ  จ.น่าน วงเงินรวม13 ล้านบาท  ระบุเตรียมอนุมัติเพิ่มที่จ.พิษณุโลก อีก 2 ราย   คาดภายในสิ้นเดือน พ.ค. อนุมัติได้อีก  2-3 รายต่อจังหวัด

นายสมชาย  หาญหิรัญ  ประธานกรรมการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME Development Bank หรือ ธพว.)  ในนามประธานกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ  เปิดเผยว่า  ขณะนี้กองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐมีความคืบหน้าไปในทิศทางที่ดีมาก  โดยเมื่อวันที่15 พฤษภาคม 2560 ที่ผ่านมา คณะอนุกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ  นำโดย นายไพศาล วิมลรัตน์  ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน  ในนามประธานคณะอนุกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐจังหวัดน่าน  ได้ประชุมหารือคัดเลือกผู้ประกอบการที่มีคุณสมบัติเข้าเกณฑ์ตามแผนยุทธศาสตร์จังหวัด  ซึ่ง ธพว. ในฐานะหน่วยร่วมการบริหารงานด้านสินเชื่อกองทุนครั้งนี้   ได้ผลักดันลูกค้าธนาคารเข้าสู่แหล่งทุนเป็นผลสำเร็จแล้ว จำนวน 2 ราย วงเงินรวม 13 ล้านบาท  ได้แก่ รายที่ 1 “บริษัท ชมพูภูคา จำกัด”  ผลิตและจำหน่ายเครื่องเงิน   ได้รับอนุมัติวงเงินจากกองทุนฯ จำนวน 3 ล้านบาท และเสริมด้วยวงเงินสินเชื่อ SMEs Transformation Loan จำนวน 5 ล้านบาท  รวมวงเงิน 8 ล้านบาท   และรายที่ 2  คือ  “ห้างหุ้นส่วนจำกัด น่านดูโอ คอฟฟี่”  ผลิตและจำหน่ายเมล็ดกาแฟแบบครบวงจร  ได้รับอนุมัติวงเงินจากกองทุนฯ จำนวน 3 ล้านบาท และเสริมด้วยวงเงินสินเชื่อ SMEs Transformation Loan จำนวน 2 ล้านบาท รวมวงเงิน 5 ล้านบาท  โดยเบิกจ่ายเบ็ดเสร็จจะได้รับเงินจริงได้ภายในเดือน พ.ค. นี้   ดังนั้น  ธพว.สาขาน่านจึงถือเป็นสาขาแรกและผู้ประกอบการกลุ่มแรกของประเทศ  ที่ได้รับการอนุมัติวงเงินจากกองทุนดังกล่าว

“มาตรการทางการเงินดังกล่าว รัฐบาลต้องการให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี สามารถนำไปต่อยอดสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ สร้างธุรกิจท้องถิ่นให้มีศักยภาพเป็นรากฐานที่แข็งแรงในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจก้าวสู่ยุคอุตสาหกรรม Thailand 4.0” นายสมชาย กล่าว

ประธานกรรมการ ธพว. ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า   นอกจากลูกค้าสาขาน่านที่กำลังจะได้รับอนุมัติวงเงินจากกองทุนเป็นรายแรกในประเทศแล้ว  ธนาคารยังมีลูกค้าสาขาพิษณุโลก อีกจำนวน 2 ราย กำลังจะนำเสนอเข้าที่ประชุมในวันศุกร์ที่ 19 พ.ค. 2560 นี้ โดยคาดว่าจะสามารถผ่านเกณฑ์ยุทธศาสตร์ของจังหวัดไปได้ด้วยดี  และขณะเดียวกันนี้  ในส่วนของกระบวนการทำงานของคณะอนุกรรมการบริหารกองทุนประจำจังหวัดต่างๆ ได้ขับเคลื่อนรับคำขอจากผู้ประกอบการแล้วเช่นกัน ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการกลุ่มเป้าหมายเป็นจำนวนมาก  คาดว่าภายในสิ้นเดือน พ.ค. นี้จะสามารถอนุมัติวงเงินได้อีกประมาณ 2-3 รายต่อจังหวัด

สำหรับกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ คิดอัตราดอกเบี้ย 1% ต่อปี  ปลอดชำระเงินต้น 3 ปี  ระยะเวลาชำระคืน 7 ปี  ส่วนสินเชื่อ SMEs Transformation Loan   อัตราดอกเบี้ย 3%  ใน 3 ปีแรก ปีที่ 4-7 คิดอัตราดอกเบี้ย MLR ปกติของธนาคาร  ระยะเวลาชำระคืน 7 ปี สามารถใช้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ค้ำประกันได้  โดยผู้ประกอบการ SMEs ที่สนใจร่วมโครงการดังกล่าว   ยื่นคำขอได้ที่ สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด  ศูนย์สนับสนุนและช่วยเหลือ SME กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และ ธพว.ทุกสาขาทั่วไปประเทศ