คุณมงคล ลีลาธรรม กรรมการผู้จัดการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) (SME Development Bank) เปิดเผยในรายการตอบโจทย์ SME ว่า จากการได้มอบสินเชื่อ Smart SME บัญชีเดียว มีความคืบหน้าล่าสุดคือ มีการกู้ยืม 2 พันกว่าล้านบาท จำนวน 2,000 ราย และได้ลงพื้นที่พร้อมกับกรมสรรพากร ในการให้องค์ความรู้การจดเป็นนิติบุคคล 9 จังหวัด ซึ่งในปี 2562 ทุกสถาบันการเงินจะให้กู้เฉพาะธุรกิจที่ทำบัญชีเดียวเท่านั้นตามกฎหมายที่ได้ประกาศออกมา
ส่วนโครงการสินเชื่อ SMEs Transformation Loan ของ ธพว. ในวงเงิน 15,000 ล้านบาท ธพว.วางกลุ่มเป้าหมาย 3 กลุ่มคือ 1.Start Up และ SME ที่ริเริ่มกิจการ แต่ต้องมีนวัตกรรม 2.กลุ่มที่มีการเปลี่ยนแปลงการผลิตของตนเอง คือ กำไรมากขึ้น ลดต้นทุน และผลิตได้จำนวนมากขึ้น และ3.กลุ่มที่ขายดีหรือเป็นที่ต้องการของตลาดมาก เพื่อยกระดับ 3 กลุ่มนี้ เนื่องจากธนาคารพาณิชย์มีข้อจำกัดมาก โดยSMEs Transformation Loan 5 ล้านบาท ใช้ บสย.ค้ำประกัน ได้ และค่าค้ำประกันในปีแรกฟรี ปี2-3 รัฐจะช่วยออกเฉลี่ยร้อยละ 3.25 และดอกเบี้ย 3% 3ปีแรกแบบคงที่ ส่วนปีที่ 4-7 ดอกเบี้ยปกติของธพว. โดยโครงการสินเชื่อ SMEs Transformation Loanของ ธพว. สามารถขอกู้พร้อมกับกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวทางประชารัฐได้ ซึ่งโครงการนี้ ธพว.ได้จัดทำโรดโชว์ในต่างหวัดทั้งสิ้น 13 แห่ง มีคนสนใจ 3,000 คน และขอสินเชื่อ 5,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ รัฐบาลตั้งกองทุนเพื่อเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ วงเงิน 2 หมื่นล้านบาท เพื่อให้เศรษฐกิจในระดับจังหวัดเกิดการขับเคลื่อน ทำให้ สถาบันการเงิน ร้านค้า เกิดการตื่นตัว โดยวงเงิน 15,000 ล้านบาท จะมีการตั้งคณะกรรมการ 1 ชุดในจังหวัด โดยมีผู้ว่าราชการหรือรองผู้ว่าราชการเป็นประธาน และมีอุตสาหกรรมจังหวัดเป็นเลขานุการ และตัวแทนของ ธพว.เป็นผู้ช่วยเลขา รวมถึงมีหน่วยงานราชการ เช่น สาธารณสุข แรงงานจังหวัด สมาพันธ์เอสเอ็มอี สภาอุตสาหกรรม เป็นต้น ให้เป็นคณะกรรมการใน 14 คน เพื่อตัดสินใจว่ากิจการใดที่เป็นรายเอสเอ็มอีที่น่าสนใจ โดยจะเน้นไปที่ 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายและเอสเอ็มอีที่เป็นลักษณะท้องถิ่น วัฒนธรรม วิถีชีวิตเฉพาะในจังหวัดนั้นๆ โดยกองทุนนี้เป็นกองที่ผ่อนปรนและไม่มีหลักประกัน โดยจะแบ่งการจัดสรรคือ จังหวัดใหญ่ 300 ร้อยล้าน จังหวัดเล็ก 200 ล้านบาท และในแต่ละจังหวัดจะแบ่งการกู้ในวงเงินของจังหวัดตนเองเป็น 2 ประเภทคือ 25% ให้กู้ 3-10 ล้านบาท และอีก 75% ให้ไม่เกินรายละ 3 ล้านบาท ตั้งเป้า 5,000 ราย ดอกเบี้ยร้อยละ 1 ระยะเวลา 7 ปี โดย ธพว.จะช่วยวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของธุรกิจรายนั้นๆ ซึ่งจังหวัดพิษณุโลกเป็นจังหวัดแรกที่ประกาศความพร้อม นอกจากนี้ยังมีวงเงิน 3,000 ล้านบาท เพื่อมอบแก่กลุ่มเล็กๆที่กู้รายละไม่เกิน 6 แสนบาท ตั้งเป้า 6,000 ราย ส่วนที่เหลือ 2,000 ล้านบาท เก็บไว้เพื่อสร้างไม้ค้ำยันให้แก่เอสเอ็มอี ในด้านการอบรมให้ความรู้ สร้างอาวุธแก่เอสเอ็มอีทุกจังหวัด
นอกจากนี้ คุณมงคล ได้แนะนำแนวทางการพัฒนาเอสเอ็มอี โยคุณมงคลได้ลงพื้นที่จะสัมผัสเอสเอ็มอีจนได้ข้อสรุป 2 ข้อ คือ1.ต้องทันสมัยตลอด เช่น สี กลุ่มแฟชั่นต้องตามให้ทัน , เทคโนโลยีสมัยใหม่ต้องใช้ให้เป็น เป็นต้น เพื่อสร้างความโดดเด่น 2.Story (เรื่องราว) เนื่องจาก SME ไม่มีแบรนด์ จึงต้องนำเรื่องราวมาสร้างแทนการสร้างแบรนด์ อาทิ เรื่องราวตั้งแต่ยุคสมัย 80 ปีที่ผ่าน 3.การออกแบบ เพื่อสะท้อนอัตลักษณ์ของแบรนด์ เป็นสิ่งที่จับต้องได้ มองเห็น มีกลิ่น เป็นต้น 4.คุณภาพหรือมาตรฐาน พื้นฐานคือต้องมีสุขอนามัยที่ดี และ 5.IOT (Internet Of Think) คือใช้ออนไลน์ในการขายของ การโปรโมทสินค้า โดยเฉพาะการส่งออกสินค้า