รองนายกฯ ย้ำให้ความสำคัญสร้างท้องถิ่นเข้มแข็งเป็นรากฐานของระบบเศรษฐกิจไทย มอบการบ้านแก่พาณิชย์จังหวัด ก.เกษตรฯ และสถาบันการเงินรัฐ สำรวจความต้องการชุมชน และเร่งเข้าส่งเสริม กระตุ้นพัฒนาสินค้าโอทอปขายนักท่องเที่ยวและส่งออก
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในงาน “กระทรวงพาณิชย์กับการสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจท้องถิ่น Local Economy 4.0” ว่า ท้องถิ่นถือเป็นฐานเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของไทย แต่ที่ผ่านมาถูกละเลย จากทุกรัฐบาล ซึ่งจะให้ความสำคัญกับการเติบโตจากส่วนกลางหรือระดับบนมากกว่า ทำให้เศรษฐกิจฐานรากระดับท้องถิ่นไม่เข้มแข็ง เมื่อไทยได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอก ส่งผลให้การส่งออกของไทยชะลอตัวลง ทำให้การเติบโตของเศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบตามไปด้วย ดังนั้น รัฐบาลชุดนี้ พยายามสร้างความแข็งแกร่งภายในประเทศ โดยเฉพาะปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ มุ่งสร้างรากฐานแข็งแกร่ง เกิดความสมดุลระหว่างเศรษฐกิจท้องถิ่นและการเติบโตจากภายนอก
ทั้งนี้ ไทยมี 8,000 ตำบล 80,000 หมู่บ้าน ที่เป็นฐานหลักของประชากรในประเทศและสร้างความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจไทยด้วยการสร้างกิจกรรมทางเศรษฐกิจระดับท้องถิ่นเน้นการสร้างรายได้ด้วยการผลิตสินค้าเกษตรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยกระทรวงพาณิชย์ โดยเฉพาะหน่วยงานในภูมิภาคอย่างพาณิชย์จังหวัดที่มีอยู่ทั่วประเทศ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมถึงธนาคารเฉพาะกิจของรัฐจะต้องไปสำรวจว่าต้องพัฒนาการผลิตที่เน้นจากพื้นที่ หรือเน้นที่ความสามารถของคนในท้องถิ่น โดยจะต้องมีการสร้างผู้นำชุมชนที่มีประสิทธิภาพ เช่น การสร้างนาแปลงใหญ่และแปรรูปสินค้าร่วมกัน และสร้างตลาดชุมชน เพื่อเป็นตลาดกลางกระจายสินค้าท้องถิ่นที่เน้นสินค้าเฉพาะของแต่ละท้องถิ่น ขณะที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จะต้องสนับสนุนสินเชื่อในการรวมกลุ่มและธนาคารออมสิน จะต้องเข้ามาดูการผลิตที่มีการเปลี่ยนแปลงจะฝึกอบรมอย่างไรให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
ขณะเดียวกันการผลิตจะต้องรวมถึงปศุสัตว์และการสร้างมูลค่าเพิ่มจากการท่องเที่ยวและการกีฬาที่จะสร้างรายได้เข้าชุมชนมากขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นการสร้างกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ทำให้เม็ดเงินลงทุนและการใช้จ่ายจากภาคส่วนต่าง ๆ จะเข้ามายังท้องถิ่นเพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ ต้องการให้มีการพัฒนาสินค้าโอทอปให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยการร่วมกันทำงานแบบบูรณาการ ทำให้สินค้าโอทอปขายให้กับนักท่องเที่ยวและสามารถกระจายสินค้าออกไปต่างประเทศพร้อม ๆ กันและกระจายสินค้าไปชายแดนร่วมทำตลาดประชารัฐกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ลาว ที่จะนำสินค้าของทั้ง 2 ประเทศมารวมกันขายแก่นักท่องเที่ยว ซึ่งจะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มแก่สินค้าท้องถิ่นมากขึ้น
สำหรับ “มหกรรม Local Economy 4.0” จัดมาตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค. ไปจนวันที่ 27 พ.ค. ณ อาคารแสดงสินค้า ฮอลล์ 7 – 8 อิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยภายในงานมีกิจกรรม เช่น การออกร้านสินค้าชุมชนกว่า 650 คูหา สินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ ( GI) สินค้าออแกนิกส์ สินค้าจากตลาดต้องชม และสินค้านวัตกรรมจากผู้ประกอบการและนักธุรกิจรุ่นใหม่ และโซนให้คำปรึกษาทางธุรกิจ เป็นต้น