ธพว. ลุยล้างหนี้เน่า ตั้งเป้าเหลือไม่เกิน 17%


ธพว.เผยยอดอนุมัติสินเชื่อใหม่ 5 เดือน มูลค่า 13,000 ล้านบาท เชื่อทั้งปีถึง 30,000 ล้านบาทตามเป้า  แจงเร่งจัดการหนี้เสียทุกรูปแบบ รายใหญ่หัวแข็งขายทิ้ง รายเล็กช่วยฟื้นฟู เชื่อสิ้นปีนี้เหลือไม่เกิน 17%   ส่วนผลการดำเนินโครงการกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอี ยอดยืนกู้แล้วกว่า 5,000 ล้านบาท เตรียมนำ “เชียงใหม่โมเดล” ขับเคลื่อนการพิจารณาอนุมัติให้รวดเร็วยิ่งขึ้น  เชื่อปล่อยหมดภายใน 6 เดือน

นายมงคล ลีลาธรรม กรรมการผู้จัดการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME Development Bank เปิดเผยว่า ยอดอนุมัติสินเชื่อใหม่ของธนาคาร ในช่วง 5 เดือนแรกที่ผ่านมา มียอดรวมกว่า 13,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ และเชื่อว่าทั้งปีนี้  จะมียอดอนุมัติสินเชื่อใหม่รวมกว่า 30,000 ล้านบาท ทำให้ยอดสินเชื่อรวมสะสมทั้งหมดของธนาคาร อยู่ที่ประมาณ 100,000 ล้านบาท

ส่วนยอดหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL ณ ปัจจุบัน มีสัดส่วนประมาณ 17-18% จากยอดสินเชื่อรวม ประมาณ 97,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นมูลค่า ประมาณ 16,600 ล้านบาท  โดยเชื่อว่า ถึงสิ้นปีนี้ จะลดเหลือระดับไม่เกิน  17% เนื่องจากธนาคารมีการบริหารจัดการในหลายๆ ด้าน เช่น สำหรับลูกค้ารายใหม่  นับตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นมาถึงปัจจุบัน ธนาคารมีมาตรการสนับสนุนด้านความรู้ควบคู่กับเงินทุน รวมถึงส่งเสริมให้เข้าจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล ทำให้มีศักยภาพทางธุรกิจสูงขึ้น และเข้าถึงมาตรการช่วยเหลือจากรัฐบาลเพิ่มขึ้นด้วย โอกาสจะกลายเป็นหนี้เสียจึงลดตามไปด้วย

ในขณะที่ลูกค้าเก่า ซึ่งเป็นหนี้เสีย ในส่วนของรายใหญ่วงเงินเกิน 15 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งกลุ่มนี้ ไม่ยอมเข้าโปรแกรมฟื้นฟูกิจการ ทางธนาคารทำการขายทอดตลาดต่อไป ซึ่งจำนวนนี้ มีประมาณ 160 ราย วงเงินรวมประมาณ 7,000 ล้านบาท ส่วนลูกหนี้เสียรายเล็กๆ ที่มีจำนวนประมาณ 20,000 ราย วงเงินรวมประมาณ 10,000 ล้านบาท กลุ่มนี้  ทางธนาคารจะพยายามช่วยเหลือ โดยปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อจะให้กลับมาดำเนินธุรกิจได้อีกครั้ง

นายมงคล เผยด้วยว่า สำหรับการดำเนินโครงการกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ วงเงิน 20,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 1% เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนSMEs กลุ่มยุทธศาสตร์จังหวัด  ความคืบหน้าล่าสุดถึงวันที่ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมานี้  มียอดยืนขอสินเชื่อจากกองทุนดังกล่าวมาแล้วมูลค่าถึง 4,000-5,000 ล้านบาท  โดยเบื้องต้นได้นำร่องอนุมัติสินเชื่อให้ผู้ประกอบการจังหวัดละ 2 ราย  หรือประมาณ 154 รายทั่วประเทศ วงเงินประมาณ 300 ล้านบาท

ทั้งนี้  การขับเคลื่อนให้เงินจากกองทุนดังกล่าวส่งไปถึงมือผู้ประกอบการอย่างรวดเร็ว จะนำโมเดลการทำงานที่ จ.เชียงใหม่ มาใช้  โดยใช้กระบวนการนำผู้ประกอบการ จ.เชียงใหม่ ทั้งหมดที่สนใจเข้าโครงการ มาเข้าโปรแกรมลำดับกิจการที่เป็นประโยชน์ต่อจังหวัด  เพื่อนำมาคิดเป็นคะแนนเพื่อจัดอันดับความสำคัญในการอนุมัติสินเชื่อก่อนหรือหลัง  ซึ่งช่วยให้คณะกรรมการพิจารณาอนุมัติปล่อยสินเชื่อได้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น  ซึ่งขณะนี้ จ.เชียงใหม่ มีผู้ประกอบการได้รับอนุมัติ 60 ราย และจะเข้าพิจารณาประชุมคณะอนุกรรมการจังหวัดในวันที่ 19 มิถุนายนนี้ และคาดว่าภายในสิ้นเดือนมิ.ย.นี้ จะปล่อยเงินได้ครบทุกราย

นายมงคล เผยต่อว่า จากความสำเร็จของโมเดล จ.เชียงใหม่ ทางคณะกรรมการกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ  จะนำรูปแบบนี้ ขยายไปใช้ในจังหวัดอื่นๆ ต่อไป ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้การพิจารณาและอนุมัติสินเชื่อทำได้รวดเร็วและเกิดประสิทธิภาพ  สามารถปล่อยสินเชื่อทั้งหมด วงเงิน 20,000 ล้านบาทถึงมือผู้ประกอบการรายย่อยได้ภายใน 6 เดือนตามเป้าหมายของโครงการ